โรคริดสีดวงทวารหนัก

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังอยู่ในช่วงของ “วัยทำงาน” ไม่ว่าจะสาขาอาชีพใดก็ตาม บอกได้เลยว่าคุณโชคดีมากๆ ค่ะ เพราะคุณกำลังจะได้รับประโยชน์จากบทความต่อไปนี้แบบเต็มๆ ไม่มีกั๊ก!

 

เมื่อพูดถึง “โรคที่มักเกิดกับวัยทำงาน” ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า มีด้วยกันหลายโรคมาก ๆ และเราจะขอคัดมาเฉพาะโรคที่พบได้บ่อยที่สุด 8 โรคก่อนนะคะ ซึ่งคุณจะได้ทราบทั้งลักษณะอาการ สาเหตุ วิธีรักษาและการป้องโรคทั้ง 8 โรค อย่างละเอียด ส่วนจะมีโรคยอดฮิตอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ

 

1.  โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ

2.  โรคปวดหัวไมเกรน

3.  โรคกรดไหลย้อน

4.  โรคริดสีดวงทวารหนัก

5.  โรคปวดกล้ามเนื้อ

6.  โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน

7.  โรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ หอบหืด 

8.  โรคนิ้วล็อก

 

โรคริดสีดวงทวารหนัก


มาต่อกันด้วยโรคที่ 4 โรคริดสีดวงทวารหนัก (hemorrhoid)

โรคนี้ก็เป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่พบได้มากในคนวัยทำงานเช่นกัน เนื่องจากคนวัยทำงาน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งท่าเดิมนานๆ ทานอาหารไม่ตรงเวลา นิยมทานฟาสต์ฟู้ด ท้องผูกเป็นประจำ มีความเครียดสูง เป็นต้น ปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมเหล่านี้มากเพียงพอที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารหนักขึ้น ซึ่งโรคนี้มีหลายระยะอาการ บางคนเป็นแล้วแต่ยังไม่รู้ตัวก็มีเยอะ ดังนั้น เรามารู้จักโรคนี้ให้มากขึ้นเพื่อให้รู้ทันและป้องกันได้ทันทีนะคะ 

 

ริดสีดวงทวารหนักเกิดจากอะไร


โรคริดสีดวงทวารหนัก อาจเกิดได้จากพันธุกรรม บางคนมีความอ่อนแอขาดความยืดหยุ่นของเส้นเลือดที่ทวารหนัก ก็ทำให้เกิดริดสีดวงทวารได้ แต่กรณีแบบนี้ก็พบได้น้อยมาก ๆ เพราะคนส่วนใหญ่มักเป็นริดสีดวงทวารอันเนื่องมาจากสาเหตุด้านพฤติกรรมมากกว่า คือมีปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมหลายประการ(ตามที่ระไว้ด้านล่าง)  และทำซ้ำ ๆ เป็นกิจวัตรเป็นเหตุให้ริดสีดวงทวาร ค่อย ๆ เกิดขึ้นตามระยะ 

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวารหนัก


โรคริดสีดวงทวารหนัก เกิดได้จากหลายปัจจัย แต่โดยส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ดังนี้

1. ดื่มน้ำน้อย

2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย

3. ออกกำลังกายน้อย

4. พักผ่อนน้อย

5. เครียดมาก

6. นั่ง หรือ ยืน ท่าเดิมนาน ๆ

7. ยกของหนักมาก

8. ท้องผูกมาก

9. ชอบเบ่งถ่ายแรงๆ

10. กลั้นอุจจาระบ่อย

11. ชอบของแสลงมาก

 

อาการริดสีดวงทวารหนัก

 

อาการของโรคริดสีดวงทวารหนัก


1. เลือดออกเวลาเบ่งถ่าย อาจเป็นน้ำเลือด มูกปนเลือด หรือลิ่มเลือด

 

2. แสบร้อนทวารหนักเวลาถ่าย สังเกตว่ายิ่งรับประทานอาหารรสเผ็ดจัด ดื่มเหล้า เบียร์ แอลกอฮอล์ จะยิ่งปวดแสบปวด ร้อนมาก

 

3. มีก้อน หรือ ติ่งเนื้อ หรือ หัวริดสีดวง โผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ในบางคนหลังถ่ายก้อนก็ยุบไปไม่เจ็บปวดอะไร แต่บางคนไม่ยุบแถมก้อนบวมหนักกว่าเดิมอีก ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดทรมานมากขึ้น

 

4. คันรอบ ๆ ทวารหนัก และ ที่หัวริดสีดวง เพราะเส้นประสาทมีการระคายเคือง

 

5. เจ็บทวารหนัก เพราะการอักเสบ เป็นแผลแตก และอาจมีเลือดออก

 

6. เจ็บปวดที่หูรูดทวารหนักอย่างรุนแรง เพราะริดสีดวงทวารหนักที่บวม ถูกรัดไว้ในหูรูดทวารหนักด้านใน และเกิดการขาดเลือด (Strangulated hemorrhoid)

 

7. นั่งไม่ได้ เพราะอักเสบ ทำให้เจ็บปวดร้าวถึงกล้ามเนื้อของการนั่ง

 

8. ซีด หน้ามืด อ่อนเพลีย จากการเสียเลือดเรื้อรัง

 

ระยะริดสีดวงทวาร

 

โรคริดสีดวงทวารหนัก แบ่งเป็น 4 ระยะ


ระยะหนึ่ง : มีอาการของโรคริดสีดวงทวารหนักแต่ยังไม่มีก้อนยื่นออกมาให้เห็นนอกทวารหนัก

 

ระยะสอง : มีก้อนโผล่ออกมาเมื่อเบ่งถ่าย หยุดเบ่งถ่ายก้อนจะผลุบเข้าไปเอง

 

ระยะสาม : มีก้อนโผล่ออกมา สามารถใช้มือดันเข้าไปในทวารหนักได้

 

ระยะสี่ :  มีก้อนโผล่ออกมาตลอด ไม่สามารถดันเข้าไปในทวารหนักได้

 

ความรุนแรงเพิ่มจากน้อยไปหามาก ระยะที่ 4 รุนแรงสุด ริดสีดวงที่โผล่ออกมามักจะแตก เกิดก้อนเลือดอุดตันเส้นเลือด เรียกว่า Thrombosed hemorrhoid ริดสีดวงจะบวมและมีสีแดงคล้ำจนถึงดำ มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนกระทั่งเดินไม่ได้ ปวดร้าวทั่วก้นหรือปวดไปถึงขาหนีบ

 

การรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก


มีหลากหลายมากมายวิธี ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม เชื้อชาติ ความเชื่อ ความชอบ และค่าใช้จ่าย

1. ไปพบแพทย์ โดยแพทย์มักจะรักษาริดสีดวงทวารหนัก 2 วิธี

1.1. ใช้ยา

เช่น ยาลดบวม ยาต้านอักเสบ ยาทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ซึ่งมีทั้งในรูปของยาเหน็บ ยาทา ยารับประทาน ยาเหล่านี้ควรระมัดระวังในการใช้ (ใช้ตามแพทย์สั่ง) และใช้ตามความจำเป็น เพราะยาบางอย่างอาจจะมีสารสเตียรอยด์ เป็นส่วนประกอบเพื่อให้ลดบวมและลดการอักเสบได้ดีขึ้น หากใช้บ่อยเกินไปอาจจะทำให้หูรูดทวารหนักอ่อนแอลง และติดเชื้อที่ทวารหนักง่ายยิ่งขึ้น

 

1.2. ผ่าตัด

หากเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก ระยะที่ 3-4 แล้วรักษาด้วยยาแต่ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร (ซึ่งมีประมาณร้อยละ 10) แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยวิธีต่อไปนี้

1.2.1. ใช้ยางรัด (Rubber band ligation) บางครั้งเรียกการรัดของบารอน (Baron Ligation) หลังจากรัด 2-3 วัน หัวริดสีดวงทวารหนักจะหลุดออกมา

1.2.2. ใช้เครื่องมือรัดหัวริดสีดวงทวารหนัก เช่น Stapler ผูกเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงริดสีดวงทวารหนัก ทำให้ริดสีดวงทวารหนักฝ่อตัวลง

1.2.3. ฉีดสารทำลายเส้นเลือดขอด (Sclerotherapy) โดยฉีดสารที่ว่าเข้าไปในหัวริดสีดวงทวารหนักทำให้ฝ่อไป

1.2.4. ใช้เครื่องจี้เย็น ทำลายหัวริดสีดวงทวารหนักให้ฝ่อหลุดไป

1.2.5. จี้ร้อน ทำลายหรือตัดหัวริดสีดวงทวารหนักโดยใช้กระแสไฟฟ้า

1.2.6. จี้หรือตัดด้วยเครื่องเลเซอร์ เป็นแบบเดียวกับจี้ร้อน

1.2.7. ขยายหูรูดทวารหนัก มีความเชื่อว่าหูรูดทวารหนักที่รัดแรงเกินไปทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารหนักได้ การขยายนี้ ต้องวางยาสลบหรือใช้ยาชาบล็อกหลัง ข้อดีคือ อาการริดสีดวงทวารหนักมักดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถกลับไปทำงานได้หลังทำทันที ข้อเสียคือ หูรูดทวารหนักอาจอ่อนแอลง การขับถ่ายอาจจะควบคุมได้ยากขึ้น

1.2.8. ผ่าตัดหูรูดทวารหนักส่วนด้านใน เป็นเช่นเดียวกับการขยายหูรูดทวารหนัก

1.2.9. ผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงออก (Hemorrhoidectomy) มีผลดีคือ ได้ผลสูงกว่าวิธีอื่น ๆ แต่มีผลเสียของการผ่าตัดซึ่งอาจจะ หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อาจแพ้ยาชา, แพ้ยาสลบ, แผลอักเสบ, ติดเชื้อ, เจ็บปวดมากหลังผ่าตัด, ปัสสาวะไม่ออกหลังผ่าตัด (เพราะกระทบกระเทือนเส้นประสาทที่ไปเลี้ยง), ควบคุมการขับถ่ายอุจจาระได้ไม่ดีหลังผ่าตัด เพราะอาจกระทบกระเทือนหรูดทวารหนัก)

 

2. ธรรมชาติบำบัด

หากเป็นไม่มากและได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นริดสีดวงทวารหนัก คุณสามารถดูแลตนเองได้โดยวิธีเหล่านี้

2.1. แช่น้ำอุ่น โดยใช้น้ำอุ่นเปล่าๆ ใส่กะละมัง หรือบางคนนิยมใช้น้ำอุ่นผสมด่างทับทิม นั่งแช่ก้นประมาณครึ่งชั่วโมง วันละ 2-3 ครั้ง

 

2.2. ประคบเย็น ใช้น้ำแข็งประคบ หรือใช้น้ำเย็นราด ทำให้อาการเจ็บปวด บวมแดง ลดลงได้

 

2.3. ดูแลทวารหนักให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ

 

2.4. ใช้น้ำผึ้งบริสุทธิ์ทา ช่วยลดการติดเชื้อ และ อาการบวม

 

2.5. ดื่มชา Chamomile วันละ 2-3 แก้ว ชานี้ใช้กันมาตั้งแต่สมัยอียิปต์ เชื่อว่าทำให้สบายใจ ผ่อนคลาย ต้านการอักเสบ

 

2.6. นอนยกขาสูง ใช้หมอนนิ่มๆ หนุนสะโพกขึ้นสูงเพื่อลดอาการบวมของริดสีดวงทวารหนัก

 

2.7. ใช้ครีมหล่อลื่น ดันหัวริดสีดวงทวารหนักที่โผล่ออกมาให้เข้าไปในทวารหนัก ทำให้อาการเจ็บปวดบวมอักเสบลดลงได้

 

2.8. นั่งยอง ๆ เวลาขับถ่าย เพื่อบริหารกล้ามเนื้อและเส้นเลือด บริเวณรอบ ๆ ทวารให้แข็งแรง

 

2.9. ใช้สมุนไพรบำบัด เช่น

2.9.1. Butcher's broom มีส่วนประกอบที่สำคัญคือสารฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านการอักเสบ เส้นเลือดลดบวม อยู่ในรูปแคปซูลสำหรับรับประทาน

2.9.2. Horse-chestnut สารสกัดจากเมล็ดมีสาร Aescin (5aponin) ช่วยลดบวม ต้านอักเสบ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยลดอาการบวม คัน เจ็บ มีทั้งชนิดรับประทานและชนิดทา

2.9.3. Bilberry extract สารสกัดประกอบด้วยสารฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านการอักเสบที่ชื่อ Anthocyanoside bioflavonoid สามารถรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักได้ผลดี

2.9.4. Bromelain สารนี้พบมากในแกนสับปะรด ช่วยต้านอักเสบ ลดบวม ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ละลายลิ่มเลือด นิยมใช้สารสกัดในรูปแคปซูลรับประทาน

2.9.5. Japanese pagoda tree (Saphora japonica extract) สารสกัดจากพืชชนิดนี้รักษาอาการริดสีดวงทวารหนักได้ผลดี ช่วยลดอาการบวมเลือดคั่งอักเสบ ทำให้เส้นเลือดยืดหยุ่นเข็งแรงขึ้น

2.9.6. Witch hazel สารสกัดจากไม้ดอกชนิดนี้ ใช้เป็นยาทาสมานแผลริดสีดวงทวารหนัก มีฤทธิ์ต้านอักเสบและมีสารอนุมูลอิสระ มีทั้งยาทาและยาเหน็บทวารหนัก

2.9.7. Cranesbilis เป็นไม้ดอกผงสกัด มีส่วนประกอบของสารฆ่าเชื้อ ห้ามเลือด และลดบวมใช้ทาหรือโรยเฉพาะที่สำหรับริดสีดวงทวารหนัก

2.9.8. เพชรสังฆาต เป็นสมุนไพรไทยที่สามารถรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักได้ผล ช่วยลดบวม ต้านอักเสบ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ใช้ลำต้นสดหรือแห้งมาบดรับประทาน อาจบดใส่แคปซูลก็ได้ แต่ต้องระวังอาการระคายเคืองหรือคลื่นไส้อาเจียนในบางราย

2.9.9. ว่านหางจระเข้ มีทั้งชนิดดื่ม ครีมทา หรือใช้ว่านหางจระเข้สดๆ ที่ล้างเอายางออกแล้วนำมาทาหัวริดสีดวง ทุกรูปแบบที่ว่ามาช่วยลดการอักเสบปวดบวมของริดสีดวงทวารหนักได้

2.9.10. ใบมะขามแขก สารสกัดใบมะขามแขกเป็นยาระบาย ลดอาการท้องผูก มักใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ ในการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก

 

 

นอกจากนี้ ปุณรดายาไทยยังมีอีก 1 ตัวช่วย ซึ่งคิดค้นมาเพื่อคนรักษาสุขภาพในยุคใหม่ ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองมากเพียงพอ และไม่ต้องการรับประทานยาเคมี หรือ กลัวการผ่าตัด  เราขอแนะนำ สมุนไพรรักษาริดสีดวงทวาร Riz Free Full Set

 ทานง่าย สะดวก ประหยัด ปลอดภัย รักษาอาการริดสีดวงได้ทุกระยะ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเวลาพักฟื้น คืนสุขภาพที่ดีให้กับคุณอีกครั้ง

 

(สำหรับชุดรักษาริดสีดวง แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย และ จ่ายยาตามระยะอาการที่คนไข้เป็น ดังนั้น แนะนำให้คุณติดต่อเข้ามาปรึกษาแพทย์ของทางร้านก่อนนะคะ *ดูช่องทางการติดต่อได้ที่ด้านล่าง หรือคลิกที่นี่เลย )

 

สมุนไพรรักษาริดสีดวงแบบมีหัวยื่น

 

RIZ FREE FULL SET สรรพคุณ


1.รักษาริดสีดวงทวาร ทำให้ติ่งริดสีดวง ฝ่อ แห้ง และ ยุบไปตามลำดับ

 

2.รักษา และ ป้องกัน การขับถ่ายมีเลือดปน

 

3.ช่วยปรับระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ ขับถ่ายสะดวก

 

4.ลด อาการบวม ปวด อักเสบ ให้ดีขึ้นจนหายไป

 

5.ช่วยในการสมานแผลภายใน และ ภายนอก ให้หายสนิท

 

6.ช่วยฆ่าเชื้อสิ่งสกปรก ป้องกันไม่ให้เข้าสู่หัวริดสีดวง หรือ บาดแผล ส่งผลให้ริดสีดวงยุบตัวได้ เร็วขึ้น

 

7.ช่วยลดอาการปวด ทรมาน ช่วยกระจายเลือดที่คลั่งให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น  

 

ดูรีวิวผลการรักษาริดสีดวงทวาร คลิกที่นี่

 

3. การดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคริดสีดวงทวารหนัก

เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นริดสีดวงทวาร ระยะที่ 1-3 ซึ่งอาการยังไม่รุนแรงมากนัก สามารถปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้ได้ทั้ง 14 ข้อด้านล่าง แล้วอาการริดสีดวงจะหายไปเองได้ ภายใน 2-3 วัน

 

1. ลดน้ำหนักหากน้ำหนักมากเกินไป

 

2. ระมัดระวังไม่นั่งหรือยืนนานจนเกินไป

 

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ

 

4. ไม่ร่วมรักทางทวารหนัก

 

5. ไม่ยกของหนัก

 

6. ไม่เบ่งถ่ายรุนแรง

 

7. ขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นการบริหารกล้ามเนื้อทวารหนักที่เรียกว่า Kegel exercise ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยการขมิบกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักให้แรงที่สุด นับ 1-10 แล้วผ่อนคลาย นับ 1-5 นี่คือ 1 ครั้ง ทำวันละ 100 ครั้ง โดยอาจจะทำไปเรื่อย ๆ ให้ครบร้อยครั้ง หรือแบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 30-40 ครั้งก็ได้

 

8. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

 

9. กินอาหารที่มีวิตามินอีและซี ซึ่งมีมากในผัก ผลไม้ และเมล็ดถั่ว

 

10. รับประทานกากใยทุกวัน อาหารที่มีกากใยสูง ได้แก่ ผัก ผล ไม้ ถั่ว ข้าวกล้อง ฯลฯ นอกจากป้องกันโรคริดสีดวงทวารหนักแล้ว ยังช่วยป้องกันไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอ้วน แนะนำให้รับประทานวันละ 20-25 กรัม

 

11. ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่

 

12. ดื่มน้ำชา กาแฟวันละไม่เกิน 1-2 แก้ว

 

13. หากท้องเสียต้องรีบรักษา

 

14. ทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดหลังการขับถ่ายทุกครั้ง โดยใช้น้ำเย็นและสบู่ ไม่ควรใช้น้ำอุ่นเพราะจะทำให้เส้นเลือดบวม เสร็จแล้วซับให้แห้ง เพราะน้ำย่อยที่ออกมาพร้อมอุจจาระ หากเช็ดไม่หมดอาจย่อยเนื้อบริเวณทวารหนักให้เป็นแผล เส้นเลือดบวมอักเสบจนเกิดริดสีดวงได้

 

 

บรรณานุกรม

พ.ญ.ชัญวลี ศรีสุโข. 8 โรคร้ายของวัยทำงาน. พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2552.

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า