โรคงูสวัด รักษาอย่างไร

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

โรคงูสวัด รักษาอย่างไร

โรคงูสวัด รักษาอย่างไร


โรคงูสวัด (Herpes  Zoster) คือโรคผิวหนังชนิดที่เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella Zoster Virus หรือ VZV ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับ "โรคอีสุกอีใส" โดยเชื้อชนิดนี้สามารถติดต่อกันได้ จากการสัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อนี้อีกด้วย 

 

หากเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายผู้ที่ไม่เคยได้รับเชื้อมาก่อน ก็จะทำให้เป็น "โรคอีสุกอีใส" และเมื่อหายเป็นปกติแล้ว เชื้อไวรัสจะยังคงฝังตัวอยู่ตามปมประสาทภายในร่างกายไปตลอดชีวิต จนเมื่อร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนแอ เจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็ง หรือ HIV เกิดความเครียดหรือพักผ่อนน้อย ไวรัสชนิดนี้ก็จะส่งต่อปมประสาททำให้เกิดอาการอักเสบ และเกิดตุ่มใสเรียงตัวตามแนวของเส้นประสาท จนเมื่อไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ร่างกายแสดงอาการออกมาเป็นโรคงูสวัดอย่างชัดเจน


โรคงูสวัด เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งโรคงูสวัดจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนแล้วเท่านั้น และเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาทันท่วงที ยิ่งพบแพทย์ไว ก็จะยิ่งลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้เช่นกัน

 

 

โรคงูสวัด กับ การรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน


ขั้นตอนการตรวจหาโรคก่อนรักษา


แบบที่ 1: การซักประวัติ และตรวจร่างกาย 
แพทย์จะทำการซักประวัติ และตรวจร่างกาย เพื่อวินิจฉัยโรคจากอาการและลักษณะทางผิวหนังที่แสดงออกมา ดังนั้นหากเกิดผื่นและตุ่มน้ำขึ้น แพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้ทันที แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่มีผื่นหรือตุ่มน้ำขึ้นตามผิวหนัง การวินิจฉัยจะเป็นไปได้ยากมากขึ้น ทั้งนี้อาการของงูสวัดนั้นอาจทำให้เกิดความสับสนกับโรคเริม บางครั้งก็คล้ายกับโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง ผื่นผิวหนังอักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย และผื่นแพ้ยา 

 


แบบที่ 2: ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ด้วยวิธีแซ๊งสเมียร์ (Tzanck smears) 
เป็นวิธีการตรวจจากรอยโรค โดยการเจาะตุ่มน้ำแล้วขูดเซลล์บริเวณฐานของตุ่มน้ำไปตรวจ ซึ่งเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก และสามารถตรวจได้ในเบื้องต้นทันที แต่วิธีนี้จะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นงูสวัดหรือเป็นแค่เพียงการติดเชื้อเริม

 


แบบที่ 3: การย้อมด้วยสีฟลูออเรสเซนต์ (Direct Fluorescent Antibody) 
เป็นการเก็บตัวอย่างจากผิวหนังบริเวณที่เป็นตุ่มไปย้อมสีเพื่อหาแอนติเจน (Antigen) หรือเชื้อไวรัส วิธีนี้เป็นวิธีการวินิจฉัยที่เร็วมาก

 


แบบที่ 4: วิธีปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (Polymerase Chain Reaction: PCR) 
เป็นวิธีตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อ วิธีนี้สามารถตรวจได้ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ บางแห่งเท่านั้น 

 


แบบที่ 5: การตรวจหาภูมิคุ้มกัน (Serologic Methods)
เป็นวิธีที่แพทย์ใช้การตรวจภูมิคุ้มกันที่มีต่อเชื้อไวรัส หากพบก็จะทำให้วินิจฉัยได้ทันทีว่าเป็นโรคงูสวั

 

 

ขั้นตอนการรักษา


โรคงูสวัด เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ แพทย์มักจะรักษาตามอาการ ร่วมกับใช้ยาต้านไวรัส

เพื่อเร่งกระบวนการหายของโรค และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้ยาลดอาการปวด, ยาลดการอักเสบ, ยาในกลุ่มต้านอาการชัก, ยาต้านอาการซึมเศร้า, ยาในกลุ่มยาชา เป็นต้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดที่รุนแรงของ โรคงูสวัด 

 

 

หลังจากอาการทางผิวหนังหายเป็นปกติแล้ว

แต่ยังมีอาการปวดต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้หลังจากเป็นงูสวัด แพทย์อาจจะจ่ายยารักษาอาการปวดที่ปลายประสาทร่วมด้วย

 

 

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโรคงูสวัดขึ้นตา

ควรทำการรักษากับจักษุแพทย์โดยตรง ซึ่งแพทย์จะใช้ยาต้านไวรัสชนิดทาน และหยอดตาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางตา 

 

 

สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

เช่น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV โรคเอดส์ หรือโรคชนิดที่สามารถแพร่กระจายไปทั้งตัวได้ แพทย์จะให้ยาต้านไวรัสชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำและต้องเข้ารับการรักษาตัวภายในโรงพยาบาลจนกว่าจะหายเป็นปกติ 

 

 

สำหรับสตรีมีครรภ์และเด็ก

หากเกิดอาการงูสวัดในขณะตั้งครรภ์ แพทย์จะพิจารณาในเรื่องการใช้ยาในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งโรคงูสวัดในหญิงตั้งครรภ์จะไม่ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ ส่วนงูสวัดในเด็กบางกรณีอาจไม่ต้องทำการรักษา เพราะมีแนวโน้มที่จะมีอาการไม่รุนแรง และมีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน ยกเว้นรายที่อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ก็อาจต้องใช้การรักษาเข้าช่วย เช่น ในกรณีที่เด็กมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจต้องใช้ยาต้านไวรัสเพื่อรักษาอาการ

 

 

การรักษาโรคงูสวัด อาจจะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเคส ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรับประทานยา หรือสมุนไพรรักษางูสวัด ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด 

 

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ป.วริศรา อิการาชิ

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"การรักษาโรคที่สาเหตุ คือ การรักษาที่ยั่งยืน"

พท.ณัฐพร แก้วประจุ

แพทย์แผนไทย

"เกราะป้องกันโรคที่ดี คือการมีสุขภาพที่แข็งแรง"


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า