เริมเกิดจากสาเหตุใด

เริม (Herpes simplex)

เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเชื้อไวรัส (Herpes simplex virus) เมื่อติดเชื้อนี้แล้วเชื้อจะฝังอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต แม้เป็นโรคที่ดูไม่ร้ายแรงนัก แต่อาจทำให้เสียบุคคลิกภาพ และยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้

เริมเกิดจากเชื้อไวรัส (Herpes simplex virus) ซึ่งพบได้ 2 ชนิด

1. เชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 (Herpes simplex virus type 1 = HSV I) ชนิดนี้มักพบว่า ทำให้เกิดโรคเริมที่ริมฝีปาก และรอบๆ ปากได้บ่อย

2. เชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 2 (Herpes simplex virus type 1 = HSV II) ชนิดนี้มักพบว่า จะทำให้เกิดโรคเริมที่บริเวณอวัยวะเพศ ก้น ในร่มผ้าไดบ่อย

ไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ สามารถทำให้เกิดตุ่มพอง ตุ่มน้ำ ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศหญิง ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก อวัยวะเพศชาย ถุงอัณฑะ ก้น ต้นขาด้านใน ริมฝีปาก ปาก ลำคอ และพบได้น้อยที่ดวงตา

เริ่มแรก ไวรัส HSV จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางแผลถลอกที่อวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก แล้วหลังจากนั้น ไวรัสนี้ก็จะเคลื่อนเข้าสู่เซลล์เส้นประสาทและจะฝังอยู่ที่นั่นต่อไปเรื่อยๆ แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเซลล์ภูมิต้านทานในผิวหนังที่สมบูรณ์

สาเหตุการเกิดโรคเริม ในทางการแพทย์แผนไทย

ในคัมภีร์ตักศิลากล่าวถึงเริมไว้ว่า

“...ไข้เริมน้ำค้าง ลักษณะการผุด ผุดขึ้นมาเป็นแผ่น ขนาด 1 – 2 – 3 – 4 นิ้ว เป็นเหล่าๆ กัน มีน้ำใสๆ เรียกว่า เริมน้ำค้าง ต่อมาน้ำใสๆ จะกลายเป็นเหลืองขุ่น เรียกว่า เริมน้ำข้าว แล้วแตกกลายเป็นสะเก็ด หายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์ อาการ จับสะท้านร้อนสะท้านหนาว เชื่อมมัว ปวดศีรษะ...”

กลไกการเกิดโรคในทางการแพทย์แผนไทยเชื่อว่าเกิดจากการที่ธาตุไฟในร่างกายทำงานมากเกินไป หรือกำเริบจนทำให้เกิดอาการไข้ ตัวร้อน มีผลต่อผิวบริเวณตะโจ หรือหนังที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อน เช่นปาก เยื่อบุปาก อวัยวะเพศ ได้รับความร้อนจนผุดขึ้นเป็นแผล มีอาการแสบร้อนบริเวณผิว ระบบเลือดและน้ำเหลืองที่ถูกกระทบความร้อนสูงจะผุดขึ้นใต้ผิวหนัง ทำให้กลายเป็นตุ่มใส หากตุ่มนี้แตกออกจะมีน้ำเหลืองไหลออกมาร่วมด้วย