อาหารที่คนเป็นโรคเริม ควรงด! หรือลดปริมาณการทานให้น้อยลง เพราะมีผลไปกระตุ้นให้อาการเริมกำเริบได้ มีดังต่อไปนี้
ของหมัก ของดอง แหนม ปลาเค็ม ปลาร้า กะปิ ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง อาหารสุกแช่แข็ง เบคอน เนยเทีย ชีส
ชา กาแฟ นมจากสัตว์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม น้ำหวาน
หน่อไม้ กุยฉ่าย สะตอ กระถิน กระเฉด ชะอม มะระ(ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย) กะหล่ำปลีดิบแครอทดิบ บีทรูท
ทุเรียน เงาะ มะม่วงสุก ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด ลองกอง มะไฟ มะปราง มะยม สละ ขนุน ละมุด ตะลิงปลิง มะดัน น้อยหน่า อ้อย จาวตาล เนื้อมะพร้าว เสาวรส
เค็มจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด
หอยและหมึกทุกชนิด กุ้ง กั้ง แมงดา แมงกะพรุน ไข่หอยเม่น ปลาสำลี ปลาทู ปลาซาบะ ปลาโอ ปลาอินทรีย์เค็ม ปูดองทุกชนิด
วัว ควาย นกทุกชนิด ไก่* เป็ด ห่าน ปลาดิบทุกชนิด ปลาไหล ปลาดุก ปลานิล ปลาดอลลี่ ปลาคัง ปลาชะโด ปลาบึก ปลาหมอ ปลาแดงน้ำจืด เนื้อจระเข้ เนื้อแพะ เนื้อแกะ ไข่เป็ด ไข่ข้าว ไข่นกกระทา ไข่นกกระจอกเทศ เนื้องูทุกชนิด เครื่องในสัตว์ทุกชนิด
อาหารกึ่งสุก-ดิบ ลาบ ลู่ ก้อย ข้าวเหนียว น้ำจิ้มทุกชนิด กะทิ เต้าเจี้ยว น้ำส้มสายชู กุ้งแห้ง ขนมจีนเส้นหมัก อาหารปิ้ง-ย่าง อาหารใช้น้ำมันทอดซ้ำ ข้าวปั้น ซูชิ มายองเนส น้ำสลัดทุกชนิด น้ำผึ้ง(ไม่เหมาะกับผู้มีแผล มีหนอง)
1. รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันการติดเชื้อในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะอื่น ๆ และป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น เช่น การรักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศในระหว่างที่มีผื่นตุ่ม, การล้างมือให้สะอาดทันทีหลังจับต้องแผล, ทำความสะอาดของใช้ที่ต้องใช้ร่วมกัน เป็นต้น
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น เช่น การจูบ การใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน โดยเฉพาะกับเด็กเล็กหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
3. ตัดเล็บให้สั้น ไม่แกะเกา และอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาด เพื่อป้องกันมิให้ตุ่มน้ำติดเชื้อจากการเกา ตุ่มกลายเป็นหนอง และแผลเป็น
4. ผู้เป็นเริมที่อวัยวะเพศ ควรสวมใส่เสื้อผ้า กางเกงชั้นใน ที่หลวมสบาย หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าแผลเริมจะหายสนิท และควรป้องกันการแพร่เชื้อโรคไปสู่ผู้อื่นด้วยการใส่ถุงยางอนามัย
5. หญิงตั้งครรภ์ที่มีการติดเชื้อเริมครั้งแรกที่ช่องคลอดหรือปากมดลูกในระยะใกล้คลอด แพทย์จะแนะนำให้ผ่าคลอดทางหน้าท้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกเกิดการติดเชื้อในขณะคลอดผ่านทางช่องคลอด
6. พักผ่อนให้เพียงพอ
7. ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
8. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เริมเกิดเป็นซ้ำ เช่น อารมณ์เครียดหรือความวิตกกังวล, ถูกแดดจัด, ร่างกายอิดโรยหรือทรุดโทรม, ภูมิคุ้มกันต่ำ, การเจ็บป่วยจากโรคอื่น, การได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น สเตียรอยด์), การได้รับบาดเจ็บหรือได้รับการกระทบกระเทือนเฉพาะที่ (เช่น การถูไถ เกิดรอยถลอกขีดข่วน การเสียดสีของผิวกับเสื้อผ้า การทำฟัน ถอนฟัน การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อเส้นประสาท) เป็นต้น
9. ทำความสะอาดผื่นด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือหรือน้ำต้มสุกประคบทำความสะอาดแผล
10. ใช้น้ำเกลือกลั้วปากถ้ามีแผลในปาก
11. Wet dressing ทําการประคบเย็นที่แผลด้วยน้ําเกลือ โดยใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าขนหนูชุบน้ําเกลือแล้ว ประคบที่แผล 5-10 นาทีจะช่วยลดอาการระคายเคืองและผื่นแดงให้น้อยลง
12. ผู้ป่วยที่เป็นโรคเริมกำเริบถี่มาก หรือเป็นรุนแรง หรือเป็นแผลเริมเรื้อรังเกิน 1 เดือน ควรตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ด้วย เพราะอาจพบว่าเป็นเอดส์ก็ได้
13. ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้มากเพียงพอตามน้ำหนักตัว
14. ถ้ามีไข้สูงควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อย ๆ และรับประทานยาลดไข้
สรรพคุณ:
1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น ช่วยลด และยืดระยะเวลาในการเกิดเริมใหม่ให้ห่างออกไป จนหายสนิท
2. ช่วยให้แผล แห้งเร็วขึ้น ลดอาการเจ็บ และ แสบร้อนของแผล
3. ป้องกันสิ่งสกปรก ไม่ให้เข้าสู่แผลเริม
4. ลดไข้ และ อาการคลั่นเนื้อคลั่นตัว
5. ช่วยบำรุงผิว บริเวณที่เกิดเริมให้แข็งแรง ไม่เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"
แพทย์แผนไทยประยุกต์
"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"