ปวดรากฟัน เกิดจากอะไร?

เมื่อพูดถึงปัญหาสุขภาพ​เกี่ยวกับ​ช่องปากและฟัน ท่านผู้อ่านเคยมีอาการเหล่านี้ไหมคะ? เสียวแปล๊บที่รากฟัน ปวดจี๊ดขึ้นสมอง ปวดรากฟัน เมื่อรับประทานของร้อน ของเย็น  อาหารที่แข็ง หรือของหวาน และเมื่อปล่อยอาการเหล่านี้ไว้โดยไม่ได้รักษา​จะเกิดการอักเสบจนมีหนองที่รากฟัน​ 

 

หากท่านใดที่กำลังมีอาการ​เหล่านี้อยู่​ ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ วันนี้หมอได้รวบรวม​​สาเหตุ​ วิธีการ​รักษา​ รวมถึงวิธีการ​ป้องกัน​มาฝากท่านผู้อ่านเรียบร้อย​แล้วค่ะ เรามาเริ่มที่สาเหตุ​ของการปวดรากฟันกันก่อนนะคะ

 

สาเหตุของการปวดรากฟัน


1. ฟันคุด เนื่องจากฟันคุดจะไปกดเบียดปลายรากฟันบริเวณข้างเคียง ทำให้รากฟันละลาย

2. ฟันผุ เมื่อฟันผุลึก แบคทีเรียจะเข้าไปที่ปลายรากฟัน ทำให้รากฟันติดเชื้อหรืออาจเป็นหนอง

3. เหงือกอักเสบ ก่อให้เกิดแบคทีเรียสะสมจนกลายเป็นหินปูนเกาะอยู่ตามซอกฟัน เมื่อเกิดการหมักหมมเป็นเวลานานจะทำให้เหงือกบวมและอักเสบ ส่งผลให้รากฟันอักเสบตามไปด้วย

4. อุบัติเหตุ หรือ ได้รับการกระทบกระแทกบริเวณฟัน ฟันแตกหัก มีการบาดเจ็บถึงโพรงประสาทฟัน

5. พฤติกรรมบางอย่าง เช่น นอนกัดฟันรุนแรง เคี้ยวอาหารรุนแรง หรือ ใช้ฟันรุนแรง เป็นการไปรบกวนโพรงประสาทฟัน ส่งผลให้ฟันร้าว เชื้อโรคสามารถแทรกซึมเข้าไปในส่วนของโพรงประสาทฟันได้

6. การจัดฟัน เนื่องจากการจัดฟัน มีการเคลื่อนตำแหน่งของฟันไปจากเดิม ทำให้รากฟันละลาย และ สั้นลงเล็กน้อย (แต่ไม่ได้กระทบการทำงานของตัวฟัน) ส่งผลให้มีอาการปวดฟันในช่วงแรกๆที่เริ่มจัดฟัน 

 

เมื่อท่านผู้อ่านทราบแล้วว่าอาการปวดรากฟันเกิดจากสาเหตุ​ใดบ้าง หมอแนะนำ​ให้ดูแลรักษา​ให้ตรงจุดหรือตรงกับสาเหตุ​ที่ทำให้เกิดอาการ เพื่อให้อาการหายไวยิ่งขึ้นค่ะ หากอาการปวดยังเป็นไม่เยอะ หรือยังไม่สะดวก​ไปพบทันตแพทย์​ สามารถ​บรรเทาอาการปวดเบื้องต้น​ด้วยตนเองตามนี้ได้เล​ยนะคะ​

 

วิธีการบรรเทาอาการปวดรากฟัน​ด้วยตนเอง


• ประคบเย็นด้วยเจลเย็น หรือน้ำแข็ง​ที่ด้านข้างของใบหน้าข้างที่มีอาการปวดเป็นเวลา 5-10 นาที ทุกๆ 30 นาที หรือ เมื่อมีอาการปวด โดยใช้ผ้าหนาหุ้มเพื่อป้องกันการชาที่ผิวหนัง

• งดอาหารที่มีรสหวาน อาหารที่ร้อนและเย็นเกินไป รวมถึงอาหารที่แข็ง เช่น ถั่วต่างๆ ผัก/ผลไม้อบกรอบ เนื่องจากการขบฟันแรงๆ จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดฟันมากขึ้นได้

• หากมีอาการปวดมากจนทนไม่ไหว สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล* ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานเกิน 5 ครั้งต่อวัน และ ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 10 วัน หรือรับประทานยาไอบูโพรเฟน* ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมทุก 4-6 ชั่วโมง และ ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 10 วัน

*ในส่วน​ของ​การรับประทานยาเพื่อบรรเทา​ปวด หมอแนะนำ​ให้เลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถ​เริ่มต้นด้วยยาพาราเซตามอลก่อน ถ้าอาการไม่ดีขึ้น จึงปรับใช้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์​ลดอาการอักเสบได้มากกว่า คือ ยาไอบูโพรเฟน แต่ยานี้ควรระวังในผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ​ กรดไหล​ย้อน​ หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร​ค่ะ

    

สำหรับ​ท่านใดที่บรรเทาอาการด้วยตนเองแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น มีอาการปวดมากขึ้น ปวดตลอดเวลา มีหนอง หมอแนะนำ​พบทันตแพทย์​เพื่อตรวจและรักษา​นะคะ ใน​การรักษา​อาการปวดรากฟัน ทันตแพทย์​จะรักษา​ตามสาเหตุ​ที่ทำให้เกิดอาการดังนี้ค่ะ

 

วิธีการรักษาอาการ​ปวดรากฟัน​โดยทันตแพทย์


• การอุดฟัน ในกรณีที่อาการปวดเกิดจากฟันผุ มีรอยฟันผุขนาดเล็กบนผิวเคลือบฟัน ไม่ได้ลุกลามไปที่เนื้อฟัน สามารถทำการอุดฟันด้วยวัสดุอุดฟันปกติ​ได้เลยค่ะ

• การครอบฟัน ในกรณีที่​ฟันที่ผุจนถึงเนื้อฟัน จะต้องใช้การครอบฟันเพื่อรักษาตัวฟัน หรือ การใช้​อุปกรณ์​ครอบฟันเพื่อป้องกัน​การนอนกัดฟัน

• การรักษาคลองรากฟัน ในกรณีที่​มีหนองเกิดที่โพรงประสาทฟันหรือรากฟัน โดยเริ่มจากการกำจัดเนื้อฟันที่ผุออกตามด้วยการทำความสะอาดแล้วอุดฟัน แต่หากฟันเสียรูปทรงจะต้องครอบฟันเพิ่มเติมค่ะ

• การถอนฟัน/ผ่าฟัน ใช้ในกรณีที่มีอาการปวดจากฟันคุด หรือ ​ไม่สามารถ​รักษาแบบอื่นได้อีก

 

อาการปวดรากฟันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยค่ะ แถมวิธีการรักษา​ทางทันตกรรม​ก็ค่อนข้าง​ใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้าง​สูง หากท่านผู้อ่านกำลัง​มีอาการปวดรากฟัน หรือ มีปัจจัย​เสี่ยงต่อการเกิดอาการ นอกจาก​การรักษา​แล้ว หมอแนะนำ​ใช้​วิธี​การป้องกัน​​การเป็นซ้ำร่วมด้วย เพื่อสุขภาพ​ช่องปากที่ดีตลอดไปค่ะ 

 

วิธีป้องกันอาการปวดรากฟัน


1. พบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อให้ทันตแพทย์ช่วยตรวจสุขภาพ​ช่องปาก​และฟันว่าปกติ​ดีหรือไม่ หรือ ต้องดูแลเพิ่มเติม​อย่างไร​บ้าง

2. หากมีฟันผุ มีการอุดฟัน ทำครอบฟัน ให้หมั่นตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอ หากฟันมีความผิดปกติ​ ให้รีบไปพบทันตแพทย์​

3. หลีกเลี่ยง​การเคี้ยวอาหารรุนแรง การขบกัดรุนแรง และ เลี่ยงการรับประทานอาหาร​ที่แข็​ง และเหนียว เช่น ถั่ว ปลาหมึก เป็นต้น

4. ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพื่อช่วยทำความสะอาดบริเวณซอกฟันอย่างทั่วถึง และ ป้องกันฟันผุ แต่หากใช้ไหมขัดฟันแล้วไหมขัดฟันขาดออกจากกัน อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าฟันมีการบิ่น หรือ แตก สามารถ​พบทันตแพทย์​เพื่อตรวจเพิ่มเติม​ได้ค่ะ

5. แปรงฟัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน หรือ แปรงทุกครั้งหลังรับประทาน​อาหาร​ การแปรงฟันจะช่วยกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างและลดการเกิดแบคทีเรียในช่องปาก ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์และเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือนร่วมด้วยค่ะ

6. ใช้น้ำยาบ้วนปากหลังการแปรงฟัน เพื่อช่วยลดการเกิดคราบจุลินทรีย์ ป้องกัน​ฟันผุ ป้องกัน​โรคเหงือกอักเสบ​ ลดกลิ่นปาก บรรเทาอาการปวดเหงือกและฟัน ควรเลือกใช้​น้ำยาบ้วนปาก​ชนิดที่สามารถ​รักษา​โรคในช่องปาก​ได้

 

หมอขอแนะนำ น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร Gum-D ผลิตจากสมุนไพรหลัก 4 ชนิดที่ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้ ไม่ว่าจะเป็น

 

• สะแบง มีสรรพคุณ แก้ปวดฟัน เสียวฟัน แก้ฟันโยกคลอน

• กานพลู มีสรรพคุณ มีฤทธิ์เป็นยาชา แก้ปวดฟัน แก้เลือดออกตามไรฟัน ดับกลิ่นปาก รักษาแผลร้อนใน เป็นยาฆ่าเชื้อ แก้เสมหะเหนียว ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ต้านการอักเสบ

• อบเชย มีสรรพคุณ แก้ปวดฟัน  แก้ไอ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ต้านการอักเสบ

• เมนทอล มีสรรพคุณ มีฤทธิ์เป็นยาชาอ่อนๆ ช่วยลดอาการปวดบวม ลดการอักเสบในลำคอ แก้ไอ ช่วยลดกลิ่นปาก

 

 

นอกจากสรรพคุณที่เต็มเปี่ยมในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเเล้ว น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร Gum-D ยังเป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ทำให้แสบร้อนในปาก ไม่กัดเหงือกและกระพุ้งแก้ม เด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยค่ะ

 

วิธีการใช้ : บ้วนทันทีหลังแปรงฟัน หรือ หลังทานอาหาร อมกลั้วปาก 3-4 นาที แล้วบ้วนทิ้ง​ 

 

จากประสบการณ์ผู้ใช้กว่า 90% เห็นผลตั้งแต่​ครั้งแรกที่ใช้ โดยอาการปวดฟันค่อยๆลดลงจนหายไป กลิ่นปากลดลง ลมหายใจหอมสดชื่น เสริมสร้างความมั่นใจ 100% ค่ะ

    

สุดท้ายนี้หมอหวังว่าข้อมูล​สุขภาพที่หมอนำมาฝากท่านผู้อ่านในวันนี้ จะเป็นประโยชน์​ต่อท่านที่กำลังมีอาการปวดรากฟัน​ และ เป็นตัวช่วยที่ทำให้หายจากอาการปวดได้ไวขึ้นค่ะ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีอาการ สามารถ​ดูแล และป้องกัน​ไว้ก่อนได้เลยนะคะ เพราะการป้องกัน​ง่ายกว่าการรักษา​ค่ะ

 

หากท่านใดมีปัญหา​เกี่ยวกับอาการปวดรากฟัน ต้องการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ปลอดภัย ไร้สารเคมี สามารถ​ปรึกษา​หมอโดย​ตรงเพื่อรับคำแนะนำและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล​เพิ่มเติมได้เล​ยนะคะ​ ปรึกษาอาการกับหมอได้โดยตรงที่ Line ID : @poonrada หรือโทร. 02-1147027 หมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

 

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ป.วริศรา อิการาชิ

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"การรักษาโรคที่สาเหตุ คือ การรักษาที่ยั่งยืน"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า