เลือดออกตอนปัสสาวะ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

เลือดออกตอนปัสสาวะ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?

ปัสสาวะมีสีผิดปกติ มีเลือดตอนปัสสาวะ เป็นหนึ่งในอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

 

ในบทความนี้หมออยากชวนทุกท่านมาทำความรู้จักและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบกันค่ะว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากอะไร? สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ? เพื่อช่วยป้องกันและรักษาให้ทันท่วงทีเมื่อเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบกันนะคะ

 

สาเหตุการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ Klebsiella, Pseudomonas, Enterobacter และเชื้อก่อให้เกิดโรคที่พบบ่อยคือเชื้อ Escherichia coli (E. Coli) เนื่องจากเป็นเชื้อที่มีอยู่มากบริเวณทวารหนักสามารถเกิดการปนเปื้อนเข้ามาในทางเดินปัสสาวะได้ง่าย

 

ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบมักมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อ และปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว มีดังนี้ค่ะ

 

• การดูสุขอนามัยที่ไม่ดี เช่น การทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังการขับถ่ายไม่สะอาดพอหรือไม่เช็ดให้แห้งปล่อยให้เกิดความอับชื้น การชอบสวนล้างช่องคลอดเป็นประจำ การสวมใส่ชุดชั้นใน/กางเกงที่ไม่สะอาด หรือมีการสวมใส่ซ้ำทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก

 

• การกลั้นปัสสาวะ พฤติกรรมการกลั้นปัสสาวะเป็นประจำ หรือกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานทำให้เชื้อในกระเพาะปัสสาวะมีระยะเวลาในการแพร่พันธุ์และเจริญเติบโตได้ จนทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

 

• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ เช่น น้ำยาสวนล้างช่องคลอด สเปรย์ดับกลิ่น แว๊กซ์กำจัดขน หรือการใช้ฝาครอบปากมดลูกเพื่อคุมกำเนิด

 

• การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ภายในผ่านทางช่องคลอด และการไม่ทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังการมีเพศสัมพันธ์ก็ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคจนเกิดการติดเชื้อได้

 

• ผู้ป่วยที่มีภาวะอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะตีบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมาก เนื้องอกในช่องท้อง เป็นต้น โรคเหล่านี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาในการปัสสาวะจนทำให้เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้

 

อาการแสดงของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


1. ปัสสาวะบ่อยมากกว่า 10 ครั้ง/วัน ปัสสาวะกะปริบกะปรอย รู้สึกว่าปัสสาวะไม่สุด

2. กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

3. ปวดบริเวณท้องน้อยหรือบริเวณหัวเหน่า

4. มีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะ หรือมีอาการเจ็บหลังปัสสาวะเสร็จ

5. ปัสสาวะสีขุ่น หรือปัสสาวะมีเลือดปน

 

หากคอยสังเกตอาการแล้วมีอาการแสดงของกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องนะคะ

 

วิธีการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน


เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์แผนปัจจุบันจะทำการรักษาโดยการจ่ายยาปฏิชีวะนะเพื่อฆ่าเชื้อ 3-5 วัน ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง แพทย์อาจจะปรับระยะเวลาการทานยาเป็น 7-10 วัน โดยยาที่ใช้ในการรักษา ได้แก่ ยาโคไตรม็อกซาโซล (Co-trimoxazole), ยาอะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin), ยานอร์ฟล็อกซาซิน (Norfloxacin,) ยาโอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin) และยาไซโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) เป็นต้น ซึ่งการจ่ายยาปฏิชีวะนะ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินตัวยาที่ใช้ให้จำเพาะต่อเชื้อ ประเมินขนาดและระยะเวลาการใช้ยาให้เหมาะสม เพราะหากได้รับยาที่ไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้จะทำให้เชื้อเกิดการดื้อยา ดังนั้นไม่ควรซื้อยามารับประทานเองนะคะ

 

วิธีการรักษาทางการแพทย์แผนไทย


การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบทางการแพทย์แผนไทยมีวิธีการรักษาโดยการใช้ตำรับยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลัก 2 อย่าง คือ สรรพคุณในการฆ่าเชื้อและสรรพคุณในการขับปัสสาวะ เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่เกิดขึ้น

 

การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยชุดยาสมุนไพร UT-Set ของปุณรดายาไทย เป็นแนวทางการรักษาเดียวกับทางการแพทย์แผนไทย โดยชุดยาสมุนไพร UT-Set มีรายละเอียดชุดการรักษา ดังนี้ค่ะ

 

สมุนไพร B-Boost สมุนไพรสารสกัดพลูคาว: ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อในกระเพาปัสสาวะ

 

 

สมุนไพร B-Boost เป็นยารับประทานชนิดแคปซูล มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อที่ก่อให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อป้องกันการกลับมาติดเชื้อซ้ำ

 

น้ำย่านางสูตร Balance Gold: ขับเชื้อออกทางปัสสาวะ

 

 

น้ำย่านางสูตร Balance Gold มีส่วนประกอบของสมุนไพรฤทธิ์เย็น ได้แก่ ย่านาง ใบเตย ใบบัวบก เชียงดา สมอไทย ดอกสายน้ำผึ้ง และดอกเก๊กฮวย มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ลดการสะสมของความร้อนทั้งภายในและภายนอก ลดอาการแสบร้อนบริเวณทางเดินปัสสาวะ และช่วยขับเชื้อออกมาทางปัสสาวะทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะกลับมาทำงานได้อย่างปกติ

 

การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยการใช้ยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพรให้มีประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด สิ่งสำคัญที่ต้องควบคู่ระหว่างการใช้ยาคือการดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เช่น ดูแลสุขอนามัยให้ถูกต้อง ไม่กลั้นปัสสาวะ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้อวัยวะเพศระคายเคือง เป็นต้น เพราะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีการดูแลระบบทางเดินปัสสาวะให้ทำงานเป็นปกติ ช่วยป้องกันและรักษากระเพาะปัสสาวะเสบที่ต้นเหตุและสามารถทำได้ด้วยตัวเองนะคะ 

สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี ไม่มีสารสเตียรอยด์ โดยการใช้ตำรับยาสมุนไพร ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยยินดีให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำเฉพาะรายบุคคลตลอดการรักษาเลยค่ะ สามารถปรึกษาอาการเข้ามาทาง Line ของปุณรดายาไทยได้เลยนะคะ ทางเรามีคุณหมอคอยดูแลให้คำแนะนำทุกวัน ตั้งแต่ 09:00 - 21:00 เลยค่ะ ติดต่อทาง Line id : @poonrada หรือ โทร 02-1147027 นะคะ

 

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า