โรคเก๊าท์รักษาหายไหม? มีวิธีรักษาให้หายขาดหรือเปล่า?

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

โรคเก๊าท์รักษาหายไหม? มีวิธีรักษาให้หายขาดหรือเปล่า?

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน ขณะที่กำลังกดมาอ่านบทความที่หมอกำลังเขียนอยู่นี้ ทุกท่านกำลังมีความกังวลกันอยู่ใช่ไหมคะว่า โรคเก๊าท์จะรักษาหายไหม?

 

หมอเชื่อว่าทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีว่ามีวิธีการรักษา และมียารักษาโรคเก๊าท์ได้ แต่สิ่งที่ตามมานั้นคือคำถามยอดฮิตว่า ต้องกินยารักษาโรคเก๊าท์ไปตลอดไหม? มีวิธีรักษาโรคเก๊าท์ให้หายขาดหรือเปล่า? คำถามเหล่านี้จะหายไปอย่างแน่นอนหลังจากท่านผู้อ่านได้อ่านบทความนี้จบ เพราะหมอได้นำข้อมูลการรักษาโรคเก๊าท์ให้หายขาดมาฝากท่านผู้อ่านแบบ บอกหมดไม่มีกั๊กแน่นอนค่ะ

 

สาเหตุโรคเก๊าท์


เก๊าท์ GOUT เป็นโรคข้ออักเสบเฉียบพลัน ที่มีสาเหตุมาจากการมีภาวะกรดยูริกในเลือดสูง (Hyperuricemia) เมื่อกรดยูริกเกิดการตกผลึกที่เรียกว่าผลึกยูเรต ผลึกเหล่านี้จะไปสะสมอยู่ตามข้อในร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวดบวมหรืออาการอักเสบบริเวณข้อ ซึ่งการมีภาวะกรดยูริกในเลือดสูงสามารถเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพศและฮอร์โมน โรคประจำตัว (โรคสะเก็ดเงิน โรคไต โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน) การใช้ยาบางชนิด (กลุ่มยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ยาแอสไพริน) การรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง (เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ยอดผัก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์) เป็นต้น

 

อาการเก๊าท์


1. มีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณข้อตามร่างกาย ได้แก่ ข้อมือ ข้อนิ้วมือ ข้อเท้า ข้อนิ้วเท้า ข้อศอก และข้อเข่า เป็นต้น

2. มีอาการเคลื่อนไหวข้อตามร่างกายไม่สะดวก

3. มีอาการปวดข้อมาก ช่วงเวลากลางคืน และหลังจากรับประทานอาหารแสลงหรืออาหารกลุ่มที่มีสารพิวรีนสูง

4. ผิวหนังบริเวณข้อที่ปวดลอกออกเป็นสีขาว

5. มีตุ้มก้อนบริเวณข้อที่มีอาการปวด เรียกว่าก้อนโทฟัส (tophus)

    

โดยอาการเก๊าท์ดังกล่าว ในทางคลินิกสามารถแบ่งเป็นอาการเก๊าท์ทั้งหมด 3 ระยะ เพื่อใช้ในการประเมินการรักษา ดังนี้

 

ระยะที่ 1 ระยะข้ออักเสบเฉัยบพลัน (Acute gouty arthritis): เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบบริเวณข้อ โดยสามารถสังเกตได้จากการเริ่มมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อนิ้วหัวแม่เท้า

 

ระยะที่ 2 ระยะสงบ (Intercritical gout): เป็นระยะระหว่างการเกิดข้ออักเสบแต่ละครั้ง หรือระยะการกลับมาเป็นซ้ำ ข้อที่อักเสบมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

 

ระยะที่ 3 ระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟัส (Chronic tophaceous gout): เป็นระยะที่พบก้อนนูนออกมาจากบริเวณข้อที่มีอาการอักเสบ พบการผิดปกติของข้อ หรืออาจมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคไตได้

 

วิธีการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน


ทางการแพทย์แผนปัจจุบันมีแนวทางการรักษาโรคเก๊าท์ด้วยการรักษาโดยวิธีไม่ใช้ยาและรักษาโดยวิธีใช้ยารักษาโรคเก๊าท์ร่วมกัน สำหรับการวางแผนการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันจะประเมิน 3 ปัจจัย ประกอบด้วย

1. ปัจจัยเสี่ยงของโรคเก๊าท์ เช่น อาการข้ออักเสบ และระดับกรดยูริกในเลือด

2. ระยะของโรค 3 ระยะ

3. ปัจจัยเสี่ยงทั่วไป ได้แก่ เพศ อายุ ความอ้วน การดื่มแอลกอฮอล์ โรคประจำตัว และการใช้ยาอื่น ๆ

 

การรักษาโดยวิธีการไม่ใช้ยา


การรักษาโดยการไม่ใช้ยา ทางการแพทย์แผนปัจจุบันจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเก๊าท์ และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ดังนี้

 

1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแสลง อาหารที่มีสารพิวรีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูง และให้เน้นรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนต่ำถึงปานกลาง เช่น ข้าวขาว นมพร่องมันเนย โยเกิร์ตไขมันต่ำ น้ำเต้าหู้ ผักทุกชนิด (ยกเว้นส่วนของยอดผัก) เป็นต้น

2. เพิ่มการดื่มน้ำต่อวันให้มากขึ้น เพื่อขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ

3. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน และไม่ควรลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไปเพราะเป็นการเพิ่มระดับของกรดยูริกได้

 

โดยวิธีการปฏิบัติตัวเพิ่มเติมแพทย์เจ้าของไข้จะเป็นคนบอกรายละเอียดแนวทางในการปฏิบัติตัวให้จากการประเมินอาการของผู้ป่วยอีกครั้งค่ะ 

 

การรักษาโดยการใช้ยารักษาโรคเก๊าท์


1. ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs) ในระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน แพทย์จะพิจารณาเริ่มการใช้ยานี้เป็นลำดับแรก โดยส่วนใหญ่แพทย์จะให้ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน หากอาการอักเสบหายแล้วสามารถหยุดใช้ยาได้ทันที ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรรับประทานยาได้ แพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาในรูปแบบการฉีดได้

2. ยาคอลจิซีน (Colchicine) เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ที่มีประสิทธิภาพสูงในใช้รักษาในระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน แต่มีผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน

3. ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน จะพิจารณาใช้เมื่อผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยา NSAIDs ได้ เช่น มีภาวะไตวาย หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา NSAIDs 

4. ยายับยั้งการสร้างกรดยูริก (Uricostatic agent)

• ยา Allopurinol เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้รักษาผู้ป่วยเก๊าท์ระยะเรื้อรัง โดยปริมาณการใช้ยาจะปรับเพิ่มหรือลดตามระดับกรดยูริกในเลือด

5. ยาเร่งขับกรดยูริกทางไต (Uricosuric agent)

• ยา Sulfinpyrazone เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับกรดยูริกในเลือด สามารถลดการกำเริบของข้ออักเสบ    และลดขนาดโทฟัสได้ มีผลข้างเคียงของยา ได้แก่    กระเพาะอาหารอักเสบ    เลือดออกใน ทางเดินอาหาร    ยับยั้งการทำงานของเกล็ดเลือด    มีน้ำคั่งในร่างกาย    และสมรรถภาพการทำงาน ของไตลดลง

• ยา Probenecid เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดระดับกรดยูริกในเลือด    แต่น้อยกว่า มีประสิทธิภาพในการรักษาเฉพาะผู้ป่วยที่มีสมรรถภาพการทำงานไตปกติ มีผลข้างเคียง    ได้แก่ กระเพาะอาหารอักเสบ    กรดไหลย้อน    ไข้ ผื่นคัน    และ    นิ่วในทางเดินปัสสาวะ

• ยา Benzbromarone เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดกรดยูริกในเลือด    โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่า allopurinol นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้ ในผู้ป่วยที่มีสมรรถภาพการทำงานไตบกพร่องเล็กน้อยจนถึงปานกลาง มีผลข้างเคียง คือ อาการท้องเสียไม่รุนแรง

    

กลุ่มยารักษาโรคเก๊าท์ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่กล่าวมาทั้งหมด ต้องพิจารณาจ่ายยาตามดุลยพินิจของแพทย์จากการประเมินอาการและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ไม่ควรซื้อใช้เอง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยานะคะ

 

มุมมองการรักษาเก๊าท์ทางการแพทย์แผนไทย


การรักษาทางการแพทย์แผนไทยเป็นการรักษาโดยการวิเคราะห์กลไกการเกิดโรค หรือทางแผนไทยคือการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย ประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ ซึ่งการวิเคราะห์นี้จะแสดงถึงการเสียความสมดุลของธาตุในร่างกาย เป็นสิ่งที่นำไปวางแผนการรักษาแต่ละธาตุให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ โดยกลไกลการเกิดโรคเก๊าท์ทางการแพทย์แผนไทย มีดังนี้

 

มูลเหตุ(สาเหตุ)การเกิดโรคเก๊าท์มาจากพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยกระตุ้น ได้แก่ การรับประทานอาหารโดยเฉพาะสัตว์เนื้อแดง เนื้อสัตว์ติดมัน (เนื้อหมู เนื้อวัว  เครื่องในสัตว์ อาหารมัน อาหารทอด) การดื่มแอลกอฮอล์  เป็นสิ่งที่กระทำให้ธาตุไฟกำเริบ (ทำงานหนักขึ้น) โดยการรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ย่อยยากและการดื่มแอลกอฮอล์ก็ไปเพิ่มการสะสมความร้อนภายในร่างกาย ทำให้ปริณามัคคี (ไฟย่อยอาหาร) สันตัปปัคคี (ไฟอุ่นกาย) ทำงานหนักขึ้น แสดงอาการร้อนออกมาที่ผิวหนังภายนอก ธาตุไฟเป็นธาตุที่ช่วยให้ธาตุลมสามารถเคลื่อนที่ได้ แต่เมื่อธาตุไฟมีกำลังการทำงานมากขึ้นจึงกระทำให้ธาตุลมมีกำลังพัดแรงขึ้น หรือธาตุลมกำเริบ ได้แก่ ลมอุทธังคมาวาตา (ลมพัดตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นศีรษะ) ลมอโธคมาวาตา (ลมพัดตั้งแต่ศีรษะลงปลายเท้า) ลมอังคมังคานุสารีวาตา (ลมพัดทั่วร่างกาย) แสดงอาการปวดบวมตามข้อ ธาตุไฟที่มีกำลังเผามากและธาตุลมพัดแรงกระทำให้ลสิกา (น้ำไขข้อ) แห้งหรือธาตุน้ำหย่อน (ทำงานน้อยลง) แสดงอาการเคลื่อนไหวข้อต่อไม่สะดวก ทั้ง 3 ธาตุนี้ กระทำต่อธาตุดิน ได้แก่ ตะโจ (ผิวหนัง) นหารู (เส้นเอ็น) อัฏฐิ (กระดูก) แสดงอาการปวดตามข้อ มีก้อนตุ้มงอกออกมา ผิวหนังลอกเป็นสีขาว หรือในผู้ป่วยบางรายมีอาการข้อผิดรูป

 

จากกลไกการเกิดโรค การรักษาโรคเก๊าท์ทางการแพทย์แผนไทยจะเริ่มการรักษาธาตุที่ถูกกระทบเป็นลำดับแรก คือการรักษาธาตุไฟด้วยการใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นไปลดความร้อนที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจ่ายยาที่มีฤทธิ์ช่วยกระจายลมที่อั้นตามข้อ หนึ่งในสาเหตุของอาการปวด เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ลดอาการบวม ธาตุอื่น ๆ ที่ถูกกระทบจากธาตุไฟและลมก็จะค่อย ๆ กลับมาทำงานได้อย่างปกติเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วทางการแพทย์แผนไทยจะเน้นใช้ยาสมุนไพรตำรับในการรักษา เนื่องจากตำรับยาสมุนไพรจะประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่สามารถรักษาตัวธาตุทั้ง4ได้อย่างครอบคลุม ทำให้แต่ละธาตุกลับสู่สภาวะสมดุลเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่สอดคล้องกับมูลเหตุการเกิดโรคและการเปลี่ยนแปลงของธาตุ

 

วิธีการรักษาเก๊าท์แบบปุณรดายาไทย


ปุณรดายาไทยรักษาโรคเก๊าท์ตามมุมมองทางการแพทย์ไทย ด้วยการใช้ชุดยาสมุนไพร GT-Set ชุดยาสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์ รักษาอาการข้ออักเสบ ปวดข้อ โดยมีรายละเอียดชุดการรักษา ดังนี้

 

1. สมุนไพร B-Comfort ยารับประทานชนิดแคปซูล มีส่วนประกอบของเถาวัลย์เปรียง เถาเอ็นอ่อน เถาโคคลาน กำลังวัวเถลิง กำลังเสือโคร่ง และอื่น ๆ ที่มีสรรพคุณแก้อาการข้ออักเสบ แก้ปวดข้อ ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงเส้นเอ็น กระจายเลือดลมให้สามารถทำงานได้อย่างปกติ และช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

 

2. น้ำย่านาง Balance Gold น้ำสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรฤทธิ์เย็น ได้แก่ ใบย่านาง ใบเตย ใบบัวบก สมอไทย เชียงดา ดอกสายน้ำผึ้ง และดอกเก๊กฮวย มีสรรพคุณช่วยลดอาการปวด ลดความร้อน  ลดอาการอักเสบทั้งภายในและภายนอก และช่วยขับของเสีย กรดยูริกที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย

 

สิ่งสำคัญนอกจากการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์แล้ว ปุณรดายาไทยยังให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและวิธีการดูแลสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ซึ่งเป็นการรักษาแบบองค์รวมที่ช่วยป้องกันการกลับมาเป็นเก๊าท์ซ้ำ และเป็นส่วนช่วยรักษาโรคเก๊าท์ให้หายขาดอีกด้วย

 

วิธีการดูแลตัวเองยังไงให้หายขาด


1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง ได้แก่ เนื้อแดง (เนื้อหมู เนื้อวัว) เนื้อสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ (ตับ ไต หัวใจ ไส้ กระเพาะ) อาหารทะเล (ปลาซาร์ดีน ปลาไส้ตัน ปลาทู หอยเชลล์ หอยแมลงภู่) ยอดผัก (หน่อไม้, ผักโขม, ดอกกะหล่ำ, ชะอม) และยีสต์ เป็นต้น

2. หลีกเลี่ยงการทานผลไม้รสหวาน และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรุกโตส ได้แก่ องุ่น แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่ ลิ้นจี่ กล้วยน้ำว้า น้ำผึ้ง และเครื่องดื่มน้ำอัดลมทุกชนิด

3. หลีกเลี่ยงการอาหารไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารทอด เนื่องจากไขมันจะทำให้ร่างกายขับกรดยูริกออกมาได้น้อยลง

4. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยเฉพาะเบียร์และไวน์แดง

5. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร จะช่วยขับกรดยูริกที่สะสมออกมาทางปัสสาวะ และไม่ควรอั้นปัสสาวะ-อุจจาระเวลาที่ปวด

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และนอนก่อนเวลา 22.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

7. ในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดน้ำหนักที่ไปกดทับบริเวณข้อต่อ

8. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือการออกกำลังที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบริเวณข้อต่อ

9. รับการรักษาโรคประจำตัวร่วมด้วย อาทิ โรคเบาหวาน โรคไขมันมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ นิ่วทางเดินปัสสาวะ และโรคประจำตัวอื่น ๆ ในการรับการรักษาจำเป็นต้องแจ้งการมีโรคประจำตัวกับแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและผลข้างเคียง เพื่อความปลอดภัยในการรักษาและการใช้ยา

10. พบแพทย์ตามนัดหมายอย่างต่อเนื่องจนอาการเก๊าท์หายสนิท

 

ทำไมการดูแลตัวจึงสำคัญกับการรักษาโรคพอ ๆ กับการใช้ยา? ท่านผู้อ่านลองเปรียบเทียบ 2 ประโยคนี้ดูนะคะว่าให้ความรู้สึกแตกต่างกันหรือไม่? ระหว่าง การรักษาโรคเก๊าท์ให้หาย กับ การรักษาโรคเก๊าท์ให้หายขาด 

การรักษาโรคเก๊าท์ให้หาย เมื่อมีอาการปวดเก๊าท์ ขั้นตอนการรักษาคือไปพบหมอรับยามาทาน หรือฉีดยาบรรเทาอาการปวด ก็สามารถหายจากโรคเก๊าท์ภายใน 1 สัปดาห์ แต่เรายังคงมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่นเดิมที่สามารถกระตุ้นให้อาการเก๊าท์กำเริบได้อีก และหลังจากอาการกำเริบเราก็วนวัฏจักรการรักษาโรคเก๊าท์แบบนี้ซ้ำ ๆ แต่หากเป็นการรักษาโรคเก๊าท์ให้หายขาด นอกจากการทานยาที่หมอจ่ายแล้ว เราได้มีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิ การรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ การพักผ่อน และการดูแลตัวเองอื่น ๆ ตามที่หมอแนะนำ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับปัจจัยที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการเก๊าท์กำเริบ ดังนั้นอาการเก๊าท์ก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้

 

การรักษาโรคเก๊าท์ไม่ว่าจะเป็น การรักษาโดยการใช้ยาทางการแพทย์แผนปัจจุบันหรือทางการแพทย์แผนไทย ก็สามารถรักษาอาการเก๊าท์ให้หายขาดได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตัวเองร่วมกับการใช้ยารักษาโรคเก๊าท์ จะช่วยให้การรักษาโรคเก๊าท์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นหมออยากให้ท่านผู้อ่านทุกท่านหันมาดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กับการรักษาโรค เพื่อให้อาการเก๊าท์ของทุกท่ายหายขาดไปด้วยกันนะคะ

 

ปุณรดายาไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและทีมแพทย์แผนไทยยินดีที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการ ใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์ และให้คำแนะนำในการรักษารายบุคคล โดยสามารถปรึกษาอาการเข้ามาทาง Line ของปุณรดายาไทยได้เลยนะคะ ทางเรามีคุณหมอคอยดูแลให้คำแนะนำ ทุกวัน ตั้งตั้งแต่ 09:00 - 21:00 เลยค่ะ ติดต่อทาง Line id : @poonrada หรือ โทร 02-1147027 นะคะ

 

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027

 


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า