Psriasis(สะเก็ดเงิน) คืออะไร?

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

Psriasis(สะเก็ดเงิน) คืออะไร?

สะเก็ดเงิน หรือ Psoriasis โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่สร้างความไม่สบายใจให้กับใครหลาย ๆ คน แม้ในปัจจุบันเราจะทราบกันดีว่าโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติของผู้ที่เป็นสะเก็ดเงิน เป็นโรคที่ไม่สามารถติดต่อได้

 

แต่เมื่อเป็นสะเก็ดเงินแล้วบริเวณผิวหนังจะมีผื่นคันเป็น ปื้น นูน มีสีเทา ๆ เงิน ๆ เห็นวงขอบผื่นชัดเจน และผิวหนังจะแห้งเป็นสะเก็ด ซึ่งอาจจะหลุดเป็นแผ่นเล็ก ๆ เหมือนกับรังแค ส่งผลให้เกิดความไม่สวยงาม ไม่มั่นใจในการใช้ชีวิต ในบางรายอาจมีอาการสะเก็ดเงินที่เล็บ ทำให้เล็บร่อน ผิดรูป  หรือมีอาการข้ออักเสบร่วมด้วย ในวันนี้หมอจะพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ โรคสะเก็ดเงิน หรือ Psoriasis ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรักษาในปัจจุบันว่ามีการรักษาอย่างไรกันบ้างนะคะ


 

โรคสะเก็ดเงิน หรือ Psoriasis คืออะไร


โรคสะเก็ดเงิน หรือ Psoriasis คือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่เกิดจากการที่เม็ดเลือดขาวทำงานเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเกิดการแบ่งตัวเร็วขึ้น ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ และแสดงออกมาเป็นผื่นแดงเป็นปื้น กระจายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ข้อเข่า ข้อศอก หลัง ก้นกบ และมักมีผื่นขุยบนหนังศีรษะร่วมด้วย มีผิวหนังอักเสบ บวม แห้ง คัน จนเกิดเป็นขุยสะเก็ด สีเงินๆ เทาๆ และหนา จึงเป็นที่มาของคำว่า “สะเก็ดเงิน” นั่นเอง


 

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) มีอาการเป็นอย่างไร?


โรคสะเก็ดเงินมีอาการโดยทั่วไป คือ มีผื่นบริเวณผิวหนัง และมีสะเก็ด จะมีอาการคันอยู่ตลอดเวลา อาจมีอาการปวด และแสบบริเวณที่มีผื่นสะเก็ดเงินร่วมด้วย

 

ส่วนอาการที่เฉพาะเจาะจงของโรคสะเก็ดเงิน สามารถแบ่งออกได้ 3 บริเวณ ได้แก่

 

• ผิวหนัง เป็นบริเวณที่สามารถเกิดโรคสะเก็ดเงินได้ง่ายมากที่สุด โดยเริ่มต้นจะขึ้นเป็นผื่นเล็กๆ และมีขอบเขตของผื่นสะเก็ดเงินชัดเจน ซึ่งผื่นสะเก็ดเงินที่เกิดขึ้นนั้นจะมีขุยและมีสะเก็ดสีเงิน ๆ เทา ๆ ติดอยู่ ทั้งนี้สามารถที่จะขยายขนาดออกไปได้เรื่อย ๆ มักจะพบบริเวณ ข้อศอก และศีรษะ

 

ภาพตัวอย่างโรคสะเก็ดบริเวณผิวหนัง

 

• ข้อและเส้นเอ็น นอกจากผื่นสะเก็ดเงินจะเกิดขึ้นได้ตามผิวหนังทั่วร่างกายแล้ว ยังทำให้มีอาการปวดข้อ ซึ่งเกิดจากการอักเสบภายในร่างกายอย่างเรื้อรัง สะเก็ดเงินชนิดนี้เรียกว่า ข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) ซึ่งพบได้ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยที่เป็นสะเก็ดเงินเรื้อรังมานานเกิน 10 ปี โดยสามารถเกิดอาการปวดได้ตามข้อต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงข้อนิ้วมือหรือข้อนิ้วเท้า บางรายอาจจะมีปัญหาข้อติดไม่สามารถขยับได้ บางรายอาจมีอาการปวดข้อคล้ายกับโรคปวดข้อรูมาตอยด์ แต่อาการจะรุนแรงน้อยกว่า นอกจากนี้ข้อและเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อ มักมีการอักเสบหรือบวม และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็จะไปทำลายข้อ และทำให้ข้อเกิดผิดรูปถาวรได้ 

ภาพตัวอย่างข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis)

 

• เล็บมือและเล็บเท้า โรคสะเก็ดเงินนอกจากมีอาการที่ผิวหนังและข้อแล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้ที่เล็บ หรือที่เรียกว่า เล็บสะเก็ดเงิน (Nail Psoriasis) โดยจะทำให้เล็บเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีผิวสัมผัสที่ขรุขระ หรืออาจมีผิวหนังที่หนาอยู่ใต้เล็บ และร่อนเป็นผง ในบางรายส่งผลให้เล็บร่อนออกมาจากพื้นเล็บ มักมีอาการร่วมกับสะเก็ดเงินชนิดอื่น 

 

ภาพตัวอย่างเล็บสะเก็ดเงิน (Nail Psoriasis)

 

นอกจากนี้โรคสะเก็ดเงินยังสามารถแบ่งออกได้ 5 ชนิด ได้แก่

 

• โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (Plaque/ Vulgaris Psoriasis)

เป็นสะเก็ดเงินชนิดที่บ่อยที่สุดและเป็นที่มาของชื่อโรคสะเก็ดเงิน เพราะผื่นมีลักษณะเป็นขุยสีขาวหรือเงินคลุมอยู่บนผิวหนังที่เป็นผื่นแดงหนา มีอาการแสบคัน มักจะขึ้นบริเวณข้อศอก เข่า หนังศีรษะ และแผ่นหลัง

 

ภาพตัวอย่างโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (Plaque/ Vulgaris Psoriasis)

 

• โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate Psoriasis)

ผื่นมีลักษณะเป็นจุดสีแดงเล็กบนผิวหนัง บริเวณลำตัว ต้นแขน หรือต้นขา มักพบในเด็กหรือวัยรุ่น อาจมีประวัติป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ 

 

ภาพตัวอย่างโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate Psoriasis)

 

• โรคสะเก็ดเงินชนิดบริเวณซอกพับ (Inverse psoriasis)

ผื่นมีลักษณะเป็นรอยแดงหรือชมพูบริเวณข้อพับ ไม่มีขุย แสบ แผลอาจมีน้ำเหลืองซึม ทำให้แฉะและเหนียว เกิดขึ้นบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ใต้หน้าอก ใต้ก้น และร่องก้น 

 

ภาพตัวอย่างโรคสะเก็ดเงินชนิดบริเวณซอกพับ (Inverse psoriasis)

 

• โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis)

มีลักษณะเป็นตุ่มหนองล้อมรอบด้วยผิวหนังอักเสบแดง พบได้ไม่บ่อย มักขึ้นตามมือหรือเท้า และมีอาการเป็นไข้ คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นเร็วร่วมด้วย สะเก็ดเงินชนิดนี้มักเกิดจากอาการเจ็บป่วยหรือแพ้ยารุนแรง หากมีอาการควรพบแพทย์ทันที

 

ภาพตัวอย่างโรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis)

 

• โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงลอกทั่วตัว (Erythrodermic psoriasis)

ผิวหนังมีลักษณะแดงและเป็นขุยลอกทั่วร่างกาย พบได้น้อยที่สุด แต่อันตรายมาก เพราะผิวหนังบริเวณที่เป็นจะรู้สึกแสบร้อน ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น สะเก็ดเงินชนิดมักเกิดจากการแพ้ยาหรือสารเคมี หรืออาจเกิดจากการปล่อยให้เกิดโรคสะเก็ดเงินชนิดอื่น และไม่รักษาจนพัฒนาเป็นสะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงลอกทั้งตัว

 

ภาพตัวอย่างโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงลอกทั่วตัว (Erythrodermic psoriasis)


 

สาเหตุการเกิดโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)


ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของโรคสะเก็ดเงินได้ชัดเจน แต่มีข้อสันนิษฐานว่าเป็นสภาวะของร่างกายที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน จนทำให้เซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วกว่าปกติหลายเท่า และร่างกายไม่สามารถควบคุมการแบ่งตัวได้ ทำให้ผิวหนังเกิดทับซ้อนกันจนหนาขึ้น แตกเป็นขุย เพราะการผลัดเซลล์ผิวไม่เป็นไปตามปกติ ปัจจุบันคาดการณ์ว่ากลไกที่ทำให้เกิดโรคอาจมาจากปัจจัยหลัก ดังนี้

 

• ระบบภูมิคุ้มกัน 

ลิมโฟไซต์ ชนิด T cells (ปกติจะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป เมื่อเคลื่อนตัวมาที่ชั้นใต้ผิวหนัง ก็จะทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ กระตุ้นให้เซลล์หนังกำพร้าเกิดการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ และก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้

 

• กรรมพันธุ์ 

ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคทางผิวหนังอื่น ๆ มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นในการเป็นโรคสะเก็ดเงิน แต่ปัจจัยนี้ก็ยังไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจนว่าผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวจะเป็นโรคชนิดนี้อย่างแน่นอน

 

• ปัจจัยกระตุ้นโรค ได้แก่

1. ภาวะความเจ็บป่วยภายในร่างกาย และการติดเชื้อบางชนิด เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส

2. สภาวะทางจิตใจของผู้ป่วยมีอิทธิพลต่ออาการของโรค พบว่าผู้ป่วยที่เครียด หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ผื่นจะกำเริบแดงและคันมากขึ้นได้

3. การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย

4. การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยารักษามาลาเรีย ยาสมุนไพรบางชนิด

5. การได้รับการบาดเจ็บที่ผิวหนัง เช่น การแกะเกา ถูไถ เสียดสีบนผิวหนังที่รุนแรง ผิวไหม้แดด หรือแมลงสัตว์กัดต่อย

6. การดื่มเหล้า สูบบุหรี่

7. โรคอ้วน หรือมีปัญหาน้ำหนักเกิน เพราะอาจมีแนวโน้มเกิดรอยพับ หรือย่นบริเวณผิวหนังได้มากกว่าคนทั่วไป

8. การใช้สารเคมี ทำงานกับสารเคมี ความชื้น หรือต้องเจอฝุ่นควัน สิ่งสกปรก สารที่ก่อให้เกิดการแพ้เป็นประจำ

9. การทานอาหารแสลง เช่น ของหมักดอง ข้าวเหนียว ปลาร้า ปลาดุก หน่อไม้ กะปิ เนื้อวัว เนื้อเป็น เนื้อห่าน อาหารทะเล อาหารรสจัด ของหวาน ของมันของทอด


 

การรักษาโรคสะเก็ดเงินในปัจจุบัน


การรักษาโรคสะเก็ดเงินทางการแพทย์แผนปัจจุบัน มีวิธีในการรักษาหลัก 4 วิธี ได้แก่

 

1. รักษาด้วยการใช้ยาทา สำหรับโรคสะเก็ดเงินที่ไม่รุนแรง

• ยาทาสเตียรอยด์ เป็นยาที่นิยมใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินมากที่สุด

• ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน ดี 3 (Calcipotriene)

• ยากลุ่มน้ำมันดิน

• ยาทากลุ่มเรตินอล วิตามินเอ

• แอนทราลีน (Anthralin)

• กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)

• ยาทากลุ่ม Calcineurin inhibitor

 

2. รักษาด้วยการรับประทานยา สำหรับโรคสะเก็ดเงินที่รุนแรง

• เมโธเทร็กเซท (Methotrexate)

• Oral Retinoids เป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ

• ไซโคลสปอริน (Cyclosporine) เป็นยากดภูมิคุ้มกัน

 

3. รักษาโดยการใช้แสง (Phototherapy)

• รังสี UVB

• รังสี PUVA

 

4. ยาฉีดกลุ่มชีวภาพ (Biological agents) เป็นยาชนิดใหม่ที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อยู่ในรูปยาฉีดเข้าเส้น หรือเข้าใต้ชั้นไขมัน


 

ในทางการแพทย์แผนไทยสะเก็ดเงินเป็นโรคที่เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองที่มีความผิดปกติ และมีปัจจัยอื่น ๆ มากระทบ เช่น อาหารแสลง ความเครียด อากาศ หรือยาบางชนิด จะส่งผลกระทบต่อระบบธาตุในร่างกาย โดยจะกระทบธาตุไฟ หรือความร้อนในร่างกายก่อน จากการที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระทำมาเป็นเวลานาน เช่น ความเครียด สภาพอากาศ การทานอาหารแสลง ดื่มแอลกอฮลล์เป็นประจำ จะมีผลให้ธาตุไฟกำเริบ กระทบต่อธาตุน้ำจนทำให้การทำงานผิดปกติไป ส่งผลให้น้ำเหลืองเสีย แสดงอาการเป็นผื่นที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีรอยผุดขึ้นเป็นแว่น เป็นวง ตามผิวหนัง เล็กบ้างใหญ่บ้าง มีสีขาว มีขอบนูนเล็กน้อย เมื่อสัมผัสที่ผื่นนั้นก็จะรับรู้ได้ถึงความร้อน กำเริบมากก็จะเห่อบวมแดงมาก นอกจากนี้ การที่ธาตุไฟเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระตุ้นให้ ธาตุลมกำเริบได้เช่นกัน จึงส่งผลแสดงออกมาเป็นอาการคันที่ผื่นสะเก็ดเงิน ในการรักษาสะเก็ดเงินด้วยยาสมุนไพรของทางปุณรดายาไทย แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

 

ขั้นตอนที่ 1 : สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงินมาเรื้อรัง หรือเคยใช้ยาสเตียรอยด์ ยากดภูมิมาก่อน ก่อนเริ่มรักษาแนะนำล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายด้วยยาสมุนไพร ชุด Clean and Clear เป็นเวลา 14 วัน ก่อนเริ่มรักษา ในชุดประกอบด้วย สมุนไพร 2 ตำรับ คือ สมุนไพร Clean (สมุนไพรรางจืด) ช่วยขับสารพิษ สารสเตียริยด์ที่สะสมในร่างกาย ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดใส แก้อาการอ่อนเพลีย ลดความร้อนในร่างกาย และลดการอักเสบของผื่นสะเก็ดเงิน และ สมุนไพร Clear (ธรณีสัณฑฆาต) มีสรรพคุณ ช่วยขับเถาดานพรรดึกที่สะสมอยู่ในลำไส้ ฟื้นฟูระบบชับถ่าย ชวยให้การขับของเสียในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ขั้นตอนที่ 2 : เป็นขั้นตอนของการรักษาอาการ จะเลือกใช้สมุนไพรชุด P-Set+ ที่มีส่วนประกอบคือ ยารับประทานรสเมาเบื่อคือ สมุนไพร B-Treat เป็นยาหลักในการรักษา สรรพคุณของยารสเมาเบื่อในศาสตร์การแพทย์แผนไทย มีสรรพคุณในการรักษาโรคทางน้ำเหลืองและโรคผิวหนังโดยตรง ตัวยาจะไปช่วย รักษา และ ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่ทำงานผิดปกติ ปรับสมดุลระบบเลือด น้ำเหลือง ซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันหลักภายในร่างกายใหม่ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรง และการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสม ส่งผลให้ผื่นสะเก็ดเงินลดลง ปื้นสีแดงมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้หมอจะจ่ายควบคู่กับการใช้ยาภายนอกช่วยด้วย โดยยาภายนอกจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ ยาทาผื่นผิวหนัง B-Liz2 (หรือ B-Skin2) ตัวยาหลักจะประกอบไปด้วย น้ำมันงา ผิวมะกรูด เทียนดำ เทียนแดง เทียนข้าวเปลือก ดีปลี เหงือกปลาหมอ การบูร มีสรรพคุณ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ไม่ให้เข้าสู่ผื่นสะเก็ดเงิน ช่วยสมานแผลทำให้หายเร็วขึ้น และช่วยลดการลอก เป็นขุยของผิว พร้อมบำรุงให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ตัวที่ 2 คือ ออยล์อาบน้ำสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย Derpa Derma ใช้ได้ทุกวัย สามารถล้างทำความสะอาดตัวและใช้สระผมได้ในตัวเดียว มีสรรพคุณ ลดอาการคัน อักเสบ แดง บวม ที่ผื่นสะเก็ดเงิน ช่วยฟื้นฟู ผิวที่แห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น กร้าน พร้อมบำรุงผิว ให้กลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ และสุดท้ายคือ ครีมสูตรอ่อนโยน Hycera มีส่วนประกอบที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ซึ่งความชุ่มชื้นที่ไม่มากพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผื่นสะเก็ดเงินคัน เมื่อเราเกาบริเวณแผลก็มีโอกาสที่จะลุกลามมากขึ้นได้   

 

ขั้นตอนที่ 3 : หลังจากที่อาการดีขึ้น จนใกล้หายสนิทแล้ว ต่อมา คือ การป้องกันการเกิดซ้ำ บำรุงระบบน้ำเหลืองให้แข็งแรง เพื่อระบบภูมิคุ้มกันจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนนี้จะใช้เป็นยารับประทานสมุนไพร ชุด Health Refreshment Set (B-Boost set) เป็นชุดยาสมุนไพรช่วยฟื้นฟู และ ป้องกันการเกิดซ้ำ ในชุดประกอบด้วย สมุนไพร 2 ตำรับ คือ สมุนไพร Health Tonic เป็นสูตรสมุนไพรที่ช่วยปรับธาตุทั้ง 4 ภายในร่างกายที่เสียสมดุล ให้กลับมาเป็นปกติ และ สมุนไพร B-Boost มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเรื้อรังเกี่ยวกับระบบน้ำเหลืองและผิวหนังอย่างโรคสะเก็ดเงิน

 

โรคสะเก็ดเงินแม้เป็นโรคที่สร้างความไม่สวยงามให้กับร่างกาย แต่ก็ไม่ใช่โรคที่สามารถติดต่อกันได้ เพราะไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา แต่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายตนเอง ดังนั้นจึงสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้โดยไม่ต้องกังวล ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้อาการสะเก็ดเงินกำเริบ หรือ รักษาให้หายสนิท นอกจากการรักษาด้วยาที่เหมาะสมแล้ว ควรปรับพฤติกรรมที่กระตุ้นอาการ ได้แก่ เลี่ยงอาหารแสลง เลี่ยงความเครียด อยู่กับปัจจุบัน ทำจิตใจให้สดใส สบาย เข้าหาธรรมชาติ รักษาร่างกายแบบองค์รวมทั้งภายในและภายนอก ไม่ทำพฤติกรรมที่กระตุ้นความร้อน เช่น ดื่มน้ำน้อย นอนดึก นอนพักผ่อนไม่เพียงพอนะคะ ทางปุณรดายาไทยมีตำรับยาสมุนไพรที่ช่วยรักษาสะเก็ดเงินให้หายสนิท พร้อมมีคุณหมอแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาโดยตรงได้ที่ Line ID : @Poonrada หรือโทรติดต่อ 02-1147027 ได้เลยนะคะทีมหมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 

 

หากบทความนี้น่าสนใจและเป็นประโยชน์ สามารถแชร์ให้คนที่คุณรักเพื่อส่งมอบความห่วงใยได้เลยนะคะ

 

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027

 


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.เอกพล ศิริพงษ์เวคิน

แพทย์แผนไทยประยุกต์

" ใส่ใจทุกความต้องการ ดูแลเหมือนคนในครอบครัว "

นศ.พท.ป. สุพัชชา พรมน้ำ

แพทย์แผนไทย

" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า