แผลปริขอบทวารเรื้อรัง หายช้า ควรทำอย่างไร

หลายคนที่มีปัญหาท้องผูก เบ่งถ่ายเป็นประจำ หรือท้องเสียบ่อย มักจะมีแผลปริขอบทวารตามมาก่อให้เกิดความเจ็บปวด รำคาญใจ บางครั้งก็เกิดเป็นความกังวลเพราะว่าเป็นเรื้อรัง หายช้า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

วันนี้หมอมีวิธีการดูแลแผลปริขอบทวารด้วยตนเอง และอาหารที่ช่วยฟื้นฟูแผลให้หายสนิทได้ไวยิ่งขึ้นมาฝากกันนะคะ

วิธีการรักษาและดูแลแผลปริขอบทวารด้วยตนเอง สามารถทำได้ดังนี้

• แช่ก้นด้วยยาแช่ So Fin แนะนำแช่ก้นครั้งละ 10-15 นาที วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อหูรูด ช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงบริเวณแผลปริช่วยให้หายสนิทได้ไวยิ่งขึ้น และช่วยลดอาการปวดเจ็บได้

• หากมีอาการเจ็บทวารหนักมากขณะถ่ายอุจจาระ อาจใช้ยาทาในกลุ่ม Nitroglycerin ได้แต่อาจเกิดผลข้างเคียงในบางราย เช่น ปวดและมึนศีรษะ หัวใจเต้นเร็วแรง หน้ามืดเป็นลม เจ็บหน้าอก ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา

• ใช้ยาทา B-Liz2 oil (น้ำมันมหาจักร) ยาทาสมุนไพรช่วยสมานแผลปริขอบทวารให้แผลหายได้เร็วขึ้น ลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าสู่แผล

• ส่วนมากต้นเหตุของการมีแผลปริขอบทวารคือมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย เพื่อให้การขับถ่ายเป็นปกติในช่วงที่มีอาการ หมอแนะนำให้ทานยาที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่มลง ลดการเสียดสีบริเวณรูทวาร ด้วยยา Clear (ปริมาณในการทานเพื่อรักษาแนะนำให้ปรึกษาคุณหมอแพทย์แผนไทยได้เลยนะคะ)

นอกจากการดูแลตนเองอย่างถูกวิธีแล้ว การเลือกทานอาหารที่เหมาะสมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูให้แผลปริขอบทวารหายสนิทได้ไวขึ้น หมอขอแบ่งเป็นอาหารที่ควรทาน และไม่ควรทาน ดังนี้ค่ะ

อาหารที่ควรรับประทาน

1. ผักที่มีกากใยอาหารสูง ได้แก่ มะเขือพวง ใบชะพลู ใบขี้เหล็ก คะน้า ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน แครอท

2. ผลไม้ที่มีกากใยสูง ได้แก่ มะละกอสุก ฝรั่ง แอปเปิล กล้วยน้ำว้า

3. ธัญพืชที่มีมีกากใยสูงและข้าวไม่ขัดสี ได้แก่ งา ถั่วเขียว ถั่วแดง รำข้าว ถั่วลิสง ข้าวโอต ข้าวโพดต้ม ลูกเดือย ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่

4. เนื้อสัตว์ย่อยง่าย เช่น เนื้อไก่ (เฉพาะเนื้ออกไก่และสันใน) ไข่ไก่ ปลาทับทิม ปลากระพง ปลาเก๋า ปลาจาระเม็ด อาหารที่ปรุงสุก สด สะอาด เพื่อให้ย่อยง่าย และป้องกันภาวะท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ

5. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพราะเวลาที่ทานอาหารกลุ่มกากใยสูงแล้วดื่มน้ำน้อยส่งผลให้อุจจาระแข็ง ขับถ่ายยากได้ โดยปริมาณน้ำที่แนะนำคือ 5%ของน้ำหนักตัว หรืออย่างน้อยควรดื่มน้ำเปล่าทุกครั้งที่รู้สึกหิวน้ำ ร้อนภายในช่องปาก ลำคอ เพราะอาการร้อนภายในเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าดื่มน้ำน้อยเกิดไป

อาหารที่ไม่ควรรับประทาน

1. ธัญพืชที่มีกากใยสูงแต่ย่อยยาก ได้แก่ ถั่วเปลือกแข็ง อัลมอนด์ พิสตาชิโอ วอลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ข้าวโพดคั่ว ข้าวโพดที่เป็นแผ่นกรอบ

2. อาหารที่ทำให้ท้องผูก ได้แก่ ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แป้งขัดสี เช่น พาสต้า บะหมี่ ขนมปังขาว และการทานเนื้อสัตว์ปริมาณมาก

3. เนื้อสัตว์ย่อยยาก และกระตุ้นการอักเสบ ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อเป็ด เนื้อห่าน เนื้องู เนื้อหมูอาหารหมักดอง เช่น กะปิ ปลาร้า ผัก-ผลไม้ดอง และอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเผ็ด

แนวทางการป้องกันการเกิดแผลปริขอบทวารที่ดีที่สุดต้องเริ่มจากตัวเราเอง

• โดยการปรับพฤติกรรมการขับถ่ายให้เป็นปกติ ไม่ปล่อยให้ท้องผูก อุจจาระแข็ง ด้วยการทานผักและผลไม้ที่มีกากใย เพิ่มการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่มถ่ายง่าย

• เลี่ยงการเบ่งถ่ายอย่างรุนแรง และการยกของหนัก เพราะเป็นการไปเพิ่มแรงดันในช่องท้องมากขึ้น ทำให้แผลปริมากขึ้นได้

• เลี่ยงการนำสิ่งแปลกปลอมสอดใส่ทางทวารหนัก หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เพราะทำให้เกิดแผลปริขอบทวารขนาดใหญ่ขึ้น หรือเกิดแผลปริขอบทวารเพิ่ม

• เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เพราะมีโอกาสเกิดแผลปริขอบทวาร รวมถึงทำให้แผลปริขอบทวารเพิ่มมากขึ้น หากมีความจำเป็นควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ลมในร่างกายไหลเวียนได้สะดวก มีการเคลื่อนไหวลำไส้ ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น

แผลปริขอบทวารอาการโรคในที่ลับ ที่มักเป็นกันบ่อยแต่ไม่ค่อยถูกพูดถึง หลายคนจึงปล่อยไว้ให้เรื้อรัง การที่มีอาการท้องผูกหรือท้องเสียติดต่อกันเป็นเวลานานส่งผลให้เกิดแผลปริขอบทวาร หายช้า แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ อาการเหล่านี้สามารถรักษาได้เพียงต้องรักษาอย่างถูกวิธี ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม ร่วมกับการใช้ยารักษาที่ตรงกับอาการ เพียงเท่านี้อาการแผลปริขอบทวารที่กวนใจคุณอยู่ก็สามารถหายเป็นปกติได้ ทางปุณรดายาไทยของเรามีทีมแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้คำปรึกษา ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษา สามารถแอดไลน์ Line ID : @Poonrada ได้เลยนะคะ ทีมหมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ