ฝีดาษลิงเกิดจากอะไร ติดต่อได้ทางไหนบ้าง

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

ฝีดาษลิงเกิดจากอะไร ติดต่อได้ทางไหนบ้าง

จากกระแสโรคฝีดาษลิงที่อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วโลกในขณะนี้ หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าโรคฝีดาษลิงเกิดจากอะไร มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และติดต่อได้อย่างไร วันนี้หมอจะมาอธิบายสาเหตุการเกิดโรค ช่องทางการติดต่อ และข้อมูลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงนะคะ


 

โรคฝีดาษลิงคืออะไร มีถิ่นกำเนิดจากที่ไหน


โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร (Monkeypox) คือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกับโรคฝีดาษ (ไข้ทรพิษ) ที่มีความรุนแรงน้อยกว่า และปัจจุบันกำลังมีการแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกาและยุโรป 

 

ฝีดาษลิงมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปแอฟฟริกาทางตอนกลางและตะวันตก โดยพบเชื้อไวรัสครั้งแรกเมื่อปี 1958 จากลิงในห้องปฏิบัติการ 

 

ปัจจุบันตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 - 13 มิถุนายน 2565 ได้มีการกลับมาระบาดนอกเหนือจากทวีปแอฟริกา โดยมีการติดเชื้อนอกจากประเทศแอฟริกาแล้ว 36 ประเทศ โดย 10 อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่  สเปน อังกฤษ โปรตุเกส เยอรมนี แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริก อิตาลี และ เบลเยียม 


 

โรคฝีดาษลิงติดเชื้อได้จากอะไร และสามารถติดจากคนสู่คนได้หรือไม่


โดยปกติแล้วโรคฝีดาษลิงจะติดเชื้อจากสัตว์สู่สัตว์ และสามารถติดเชื้อได้จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอย่าง “ลิง” และจากสัตว์ฟันแทะ เช่น “หนู กระรอก กระแต กระต่าย” สู่คน จากการสัมผัสบาดแผล ฝี หนอง โดยติดต่อจากเลือดสู่เลือด ถ้าหากเรามีบาดแผลก็จะทำให้เชื้อเข้าสู่แผลของเราได้ หรือหากรับประทานอาหารที่มาจากสัตว์ที่ติดเชื้อก็ทำให้เรามีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน

 

สำหรับการติดเชื้อจากคนสู่คนก็สามารถติดได้ โดยมักติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิด การสัมผัสบาดแผล ผื่น ตุ่มหนอง ไอ จาม สารคัดหลั่ง เช่น เหงื่อ น้ำลาย น้ำตา รวมถึงการใช้เครื่องใช่ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ที่นอน ผ้าขนหนู เสื้อผ้า เป็นต้น


 

โรคฝีดาษลิงกับโรคฝีดาษมีความแตกต่างกันอย่างไร


โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร (Monkeypox) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดอาการในคนคล้ายกับ โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยจะเริ่มมีอาการจากไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย 

 

ความแตกต่างกันของทั้ง 2 โรคนี้ คือ โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร (Monkeypox) จะมีต่อมน้ำเหลืองโต แต่โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ (Smallpox) จะไม่มีต่อมน้ำเหลืองที่ผิดปกติ

 

ในอดีตโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ มีผู้คนติดเชื้อมากและมีอัตราการเสียชีวิตสูง จึงเรียกว่า “โรคห่า” ในปัจจุบันโรคฝีดาษหมดไปจากโลกนี้แล้ว แต่ยังมีการเก็บตัวอย่างเชื้อไว้ในห้องปฏิบัติการที่ปลอดภัยเพื่อศึกษาเพิ่มเติม และผลิตวัคซีนรักษาโรคฝีดาษที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะยังไม่พบการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง แต่ก็ไม่ควรตื่นตระหนก หรือนิ่งนอนใจจนเกิดไป หมอแนะนำให้มีการดูแลตนเองอยู่เสมอ

• โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ พวกลิง หนู กระรอก 

• หมั่นล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 

• แยกของใช้ร่วมกับผู้อื่น 

• เลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีประวัติเสี่ยง 

• รักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารปรุงสุก สดใหม่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

 

เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันตนเองจากโรคฝีดาษลิงได้แล้วค่ะ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อหมอโดยตรงได้ที่ Line ID : @Poonrada ได้เลยนะคะ หมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

 

ปุณรดายาไทยเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า