โรคภูมิแพ้ มีอะไรบ้าง? อาการต่างกันอย่างไร

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

โรคภูมิแพ้ มีอะไรบ้าง? อาการต่างกันอย่างไร

ทุกวันนี้ “โรคภูมิแพ้” เป็นโรคที่นิยมเป็นกันมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน ทั้งเด็ก วัยรุ่น แม้กระทั่งผู้สูงอายุเอง ก็อาจพบว่าตนเองเป็นโรคภูมิแพ้ได้

สงสัยกันไหมคะว่าโรคภูมิแพ้ เราแพ้อะไร? มีอะไรบ้างที่แพ้? มีอาการแบบไหน แล้วอาการต่างกันอย่างไร? วันนี้ปุณรดายาไทยมีคำตอบให้ค่ะ

 

โรคภูมิแพ้ คือ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันในร่างกายแสดงออกมากเกินไป เวลาที่ร่างกายได้รับสารแปลกปลอม หรือสารที่ก่อภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันจะทำงานหนัก จนเกิดเป็นอาการแพ้ขึ้นมา แต่ในคนที่ไม่เป็นภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันของร่างกาย จะไม่มีปฏิกิริยาต่อสารเหล่านั้น ซึ่งสารแปลกปลอมที่กระตุ้นภูมิแพ้มีอยู่มากมายรอบตัวเรา เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง ขนสัตว์ แมลง ยา อาหาร สารเคมีต่าง ๆ หรือแม้แต่ความร้อน ความหนาว ต้นไม้ ใบหญ้า ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ค่ะ

 

อาการโรคภูมิแพ้แต่ละประเภท

ในทางการแพทย์ เราแยกโรคภูมิแพ้ออกเป็น 4 ประเภท ตามอวัยวะที่เป็น ได้แก่ 

  1. โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ หรือโรคแพ้อากาศ
  2. โรคภูมิแพ้ผิวหนัง 
  3. โรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร หรือโรคแพ้อาหาร
  4. โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากหลายระบบร่วมกัน

ซึ่งอาการที่เกิดจากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกัน มักจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่ร่างกายได้รับ หรือสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ โดยอาการทั่ว ๆ ไป ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตา น้ำตาไหล เยื่อบุตาแดง หอบ ไอ มีผื่นคัน รวมถึงยังทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหืดมีอาการเพิ่มมากขึ้นได้

 

แล้วอาการต่างกันอย่างไร?

อาการของโรคภูมิแพ้แต่ละประเภท ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับอวัยวะที่ต่างกันออกไป หรือมีสาเหตุจากระบบที่ต่างกัน ตามชื่อเรียกของโรคภูมิแพ้นั้น ๆ ดังนี้

 

โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ หรือโรคภูมิแพ้อากาศ

ภูมิแพ้ประเภทนี้มีความเกี่ยวข้องกับจมูก และจมูกก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งภายในจมูกจะมีโพรงจมูก และเยื่อบุโพรงจมูก ที่จะช่วยกรองฝุ่น และสิ่งแปลกปลอม เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้เป็นเวลานานจะเกิดการอักเสบ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ประเภทนี้จึงมีการตอบสนองต่อกลิ่น หรืออากาศที่หายใจเข้าไปค่อนข้างสูง และไวกว่าคนปกติ โดยเฉพาะเกสรดอกไม้ ฝุ่น ไรฝุ่น ควันต่าง ๆ และขนสัตว์

อาการของโรคก็จะเกี่ยวกับข้องกับระบบทางเดินหายใจ คือ

  • คัดจมูก
  • น้ำมูกไหล แต่มีสีใส
  • จามบ่อย
  • คันในจมูก
  • มีเสมหะ
  • ไม่มีไข้
  • คันตา (เป็นบางครั้ง)

และส่วนใหญ่จะมีอาการเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ ช่วงเวลาที่มักจะมีอาการคือ ช่วงเช้า และกลางคืน โดยอาการจะเป็นอยู่ 2 - 3 ชั่วโมง แล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น 

 

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง

ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีผิวหนังที่ไวต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว ทั้งสภาพอากาศร้อน เย็น แห้ง ชื้น รวมไปถึงเชื้อโรค และสารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง

อาการของโรคจะแสดงออกทางผิวหนัง คือ

  • มีอาการคัน
  • เกิดตุ่มนูน หรือผื่นแดง
  • หากเป็นมานาน จนเข้าสู่ระยะเรื้อรัง จะพบเป็นแผ่นหนา แข็ง และมีขุย
  • ผื่น หรือตุ่มอาจมีหนองร่วมด้วย (เกิดการติดเชื้อ)

โรคภูมิแพ้ผิวหนังยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก ซึ่งก็จะมีอาการต่างกัน เช่น

  • ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) คือ อาการที่ผิวหนังอักเสบเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ โดยทั่วไปจะแสดงภายใน 1 - 7 วัน ลักษณะของผื่นจะคล้ายทรายละเอียด และต่อมาอาจพบว่ามีผิวลอก เมื่อนานไปผิวหนังบริเวณที่เกิดผื่นจะหนาขึ้น และมีสีคล้ำ หรือถ้ามีอาการแพ้มากขึ้นก็อาจมีน้ำเหลืองซึมออกมาได้ ผื่นพวกนี้จะขึ้นเฉพาะที่ และอยู่นานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน
  • ลมพิษ ผื่นที่เกิดขึ้นมีขนาดไม่เท่ากัน เล็ก ใหญ่ปะปนกันไป อาจเป็นตุ่มนูนสีแดง หรือสีชมพู จะรู้สึกคันมาก และผื่นจะขึ้นกระจายทั่วร่างกาย ต่อมาผื่นจะขยายตัวเป็นปื้นหนา ๆ
  • ผื่นภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) ผื่นนี้มักเกิดร่วมกับภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มีอาการผิวแห้ง และคันมาก ผิวหนังไวต่อสารที่มาสัมผัส ทำให้ผื่นขึ้นแบบเป็น ๆ หาย ๆ
  • ผื่นแพ้ยา โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการแพ้ยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้ปวด จะมีอาการคล้ายกับโรคหัด คือ มีผื่นคันขึ้นทั้งตัว หรือเป็นผื่นแพ้ยาแบบลมพิษ ตุ่มน้ำพองใส หรือมีน้ำเหลืองอยู่ภายใน หากอาการรุนแรงผิวจะลอกทั้งตัว เหมือนถูกน้ำร้อนลวก

 

โรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร

ผู้ที่มีอาการแพ้ประเภทนี้อาจมีอาการทันที หรือ 2 ชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหาร แม้ว่าจะรับประทานอาหารที่แพ้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ตาม อาการที่พบได้ คือ

  • มีผิวหนังอักเสบ หรือเป็นลมพิษเฉียบพลัน
  • บวมบริเวณริมฝีปาก หน้า ลิ้น คอ
  • คัดจมูก
  • หายใจหอบ
  • เจ็บหน้าอก
  • ปวดท้อง
  • ท้องร่วง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ในกรณีที่แพ้รุนแรง อาจช็อกหมดสติ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากหลายระบบร่วมกัน

เป็นโรคภูมิแพ้ที่มีอาการหลายชนิด หรือกระทบต่อหลายระบบในร่างกายตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป บางคนอาจเป็นโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจร่วมกับโรคภูมิแพ้อาหาร เช่น มีอาการแพ้อากาศ คัดจมูก จามบ่อย มีน้ำมูก แต่ก็มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย และอาเจียนร่วมด้วย

 

นอกจากอาการแพ้ของโรคภูมิแพ้แต่ละประเภท ก็ยังมีอาการภูมิแพ้ที่รุนแรงแบบเฉียบพลัน หรือที่เรียกว่า แอนาฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะช็อก ความดันต่ำ ไม่รู้สึกตัว หายใจหอบเหนื่อย ชีพจรเบาและเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หายใจมีเสียงวี้ดรุนแรง และมีอันตรายถึงชีวิตได้ โดยอาการที่รุนแรงนี้มักเกิดจากโรคแพ้อาหาร แพ้ยาในกลุ่มเพนิซิลิน (Penicillin) และแพ้พิษของแมลง

 

วิธีการดูแลโรคภูมิแพ้

ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ควรให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน เพราะการลดปัจจัยเสี่ยงสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้มาก วิธีการดูแล ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควัน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือสารเคมี
  • รักษาสุขอนามัยในบ้าน โดยหมั่นทำความสะอาดห้องนอน ปูที่นอน และผ้าม่าน เพื่อลดไรฝุ่น
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและระบบหายใจ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดซึ่งอาจทำให้อาการกำเริบได้ง่าย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • การดูแลเหล่านี้ แม้จะไม่ได้ทำให้อาการหายขาด แต่ช่วยให้อาการภูมิแพ้โดยรวม รวมถึง โรคภูมิแพ้อากาศ เบาลงและควบคุมได้ง่ายขึ้น

 

วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้

การรักษาโรคภูมิแพ้สามารถทำได้หลายแนวทาง โดยขึ้นอยู่กับชนิดของภูมิแพ้และความรุนแรงของอาการ

การแพทย์แผนปัจจุบัน

  • การใช้ยาต้านฮีสตามีนเพื่อลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล
  • สเปรย์พ่นจมูกที่ช่วยลดการอักเสบของโพรงจมูกในผู้ป่วย โรคภูมิแพ้อากาศ
  • การทำภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง

วิธีธรรมชาติ

  • สูดดมไอน้ำอุ่นผสมน้ำมันยูคาลิปตัสหรือเปปเปอร์มินต์เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยละลายเสมหะและลดการระคายคอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

 

วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้ ด้วยยาสมุนไพร

โรคภูมิแพ้แม้จะสร้างความรำคาญใจ แต่ก็สามารถรักษาและบรรเทาอาการได้ โดยเฉพาะการแพทย์แผนไทยที่มองว่า โรคภูมิแพ้เกิดจากความไม่สมดุลของธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ การรักษาจึงเน้นไปที่การใช้สมุนไพรเพื่อปรับสมดุลธาตุ พร้อมกับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

ตำรับยาสมุนไพรของ ปุณรดายาไทยได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มสำคัญ ได้แก่

 

ยาสมุนไพร B-BREATH

 

สำหรับผู้ที่มีอาการโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ หรือ โรคภูมิแพ้อากาศ ตำรับยานี้ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด เช่น หัวอุตพิต หัวดองดึง หัวกระดาดขาว หัวกระดาดแดง หัวบุกรอ และกลอย ซึ่งช่วยฟื้นฟูระบบทางเดินหายใจ ปรับธาตุลมให้สมดุล ลดอาการคัดจมูก จาม และไอ

 

ยาสมุนไพร B-SMOOTH

 

สำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ผิวหนัง สมุนไพรสำคัญ ได้แก่ หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ และเนื้อไม้ขันทองพยาบาท ที่ช่วยบรรเทาอาการผื่นคัน ผื่นแพ้อย่างเฉียบพลัน ไม่ว่าจะเกิดจากอากาศ สารเคมี หรืออาหาร

 

นอกจากนี้ ปุณรดายาไทยยังให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โดยวิเคราะห์อาการเฉพาะบุคคล เพื่อเลือกตำรับยาที่เหมาะสมที่สุด ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมอาการภูมิแพ้ได้อย่างยั่งยืนและใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข

อย่าลืมนะคะ สมุนไพรเป็นยาที่มีประโยชน์มากค่ะหากใช้ให้ถูกวิธี หากใช้แบบขาดความรู้ความเข้าใจ อาจทำให้เกิดโทษ นำพาความเจ็บป่วยมาให้เราได้นะคะ ปุณรดายาไทยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลรับที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.เอกพล ศิริพงษ์เวคิน

แพทย์แผนไทยประยุกต์

" ใส่ใจทุกความต้องการ ดูแลเหมือนคนในครอบครัว "

นศ.พท.ป. สุพัชชา พรมน้ำ

แพทย์แผนไทย

" ความมั่งคั่งที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรามีสุขภาพกายและใจที่ดี สมดุล แข็งแรง "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า