ทานยาระบาย ทำให้เป็นริดสีดวงจริงหรือ

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

ทานยาระบาย ทำให้เป็นริดสีดวงจริงหรือ

ทานยาระบาย ทำให้เป็นริดสีดวงจริงหรือ


คุณผู้หญิงอายุ 35 ปี คนหนึ่งมาหาหมอจากอาการถ่ายเป็นเลือด เมื่อหมอวินิจฉัยแล้วก็พบว่าเป็นริดสีดวงทวาร ที่น่าแปลกใจคือ คุณผู้หญิงน้องคนนี้ไม่มีอาการท้องผูกเลย ตรงกันข้าม น้องทานยาระบายทุกคืนก่อนนอน แต่ทำไมเป็นริดสีดวง

 

ยาระบายมีผลข้างเคียงมากกว่าที่คิดนะคะ ปกติแล้วแพทย์จะสั่งยาระบายให้ใช้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากใช้เป็นประจำ ร่างกายจะไม่สามารถขับถ่ายเองได้ กลายเป็นท้องผูกเรื้อรัง นอกจากนี้ การบีบรัดของลำไส้จากการใช้ยาระบายอาจทำให้ผนังในทวารอักเสบ และกลายเป็นริดสีดวงทวาร

 

ยาระบายทำให้เป็นริดสีดวงจริงหรือ-2

 

กรณีของคุณผู้หญิงคนนี้คือใช้ยาระบายที่มีฤทธิ์ระคายเคืองลำไส้มานานเป็นปี ทำให้ทวารหนักอักเสบจนเป็นริดสีดวงทวาร

 

ยาระบายมีหลายประเภทค่ะ หลักๆในท้องตลาดแบ่งเป็น 4 ประเภท ควรศึกษาก่อนเลือกใช้ ปุณรดานำสรรพคุณและฤทธิ์ของยาระบายชนิดต่างๆมาฝาก ครั้งหน้าก่อนเลือกซื้อยาระบายลองสังเกตส่วนผสมดูนะคะ 

 

ยาระบายที่เพิ่มขนาดและปริมาณของอุจจาระ 


คือยาระบายที่มีส่วนผสมของพืชที่พองตัวได้ เช่น รำข้าว เม็ดแมงลัก ทำให้อุจจาระมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่ออุจจาระมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะไปกระตุ้นลำไส้ส่วนปลายให้ขับถ่ายออกมาตามธรรมชาติค่ะ 

 

ยาระบายทำให้เป็นริดสีดวงจริงหรือ-3

 

โดยพืชที่รับการยอมรับว่าเป็นยาระบายที่ดีที่สุดคือ Psyllium หรือไซเลียม เป็นเมล็ดธัญพืชชนิดหนึ่ง ภาษาไทยเรียกว่า ว่านเทียนเกล็ดหอย เมื่อนำมาสกัดเป็นเส้นใยหรือไฟเบอร์ จะมีลักษณะเป็นเจล และพองตัวกลายเป็นเมือกหล่อลื่นที่ทำหน้าที่เหมือนขนแปรงนุ่มๆช่วยทำความสะอาดและดึงสิ่งสกปรกที่หมักหมมในลำไส้ ให้ออกมากับอุจจาระ ไซเลียมสามารถทานชงกับน้ำก็ได้ หรือเครื่องดื่มดีท๊อกซ์ต่างๆก็มักจะใช้ไซเลียมเป็นส่วนผสมค่ะ 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยมีปัญหาลำไส้อุดตันไม่ควรทานค่ะ เพราะอุจจาระขนาดใหญ่ขึ้น ผู้ที่เป็นลำไส้อุดตันอาจจะไม่สามารถขับอุจจาระออกไปได้

 

ส่วนประกอบใช้ในยาระบายกลุ่มนี้ เช่น Cellothyl, Hydrolose, Metamucil, Konsyl, Plantago

 

ยาระบายกลุ่มที่เพิ่มน้ำในลำไส้


คือยาระบายที่มีส่วนผสมของเกลือแมกนีเซียม โซเดียม และโพรแทสเซียม คุณสมบัติคือทำให้ลำไส้มีน้ำมากขึ้น เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ รู้สึกต้องการขับถ่าย แต่ไม่ปวดบิด เมื่อทานยาระบายกลุ่มนี้แล้วจะถ่ายเป็นน้ำ แพทย์มักจะสั่งยาระบายแบบนี้ให้คนไข้เพื่อล้างสารพิษ 

 

ในทางแพทย์แผนไทยก็มีการใช้ยาระบายกลุ่มนี้ คือส่วนผสมที่ชื่อว่า ดีเกลือฝรั่ง หรือแมกนีเซียมซัลเฟต ใช้รักษาอาการท้องผูกได้เช่นกันค่ะ

 

แต่ยากลุ่มนี้ห้ามใช้ในผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตหรือโรคหัวใจนะคะ เพราะปริมาณเกลือในร่างกายเพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อไตและหัวใจได้ค่ะ

 

ส่วนประกอบใช้ในยาระบายกลุ่มนี้ เช่น แมกนีเซียมซัลเฟต, แมกนีเซียมซิเตรท, แมกนีเซียมคาร์บอเนต, โซเดียมซัลเฟต, โซเดียมฟอสเฟต

 

ยาระบายกลุ่มที่ทำให้อุจจาระนิ่ม


ยาระบายแบบนี้ทำให้อุจจาระเหลวขึ้นโดยสะสมน้ำไว้ในลำไส้ ทำให้สะดวกต่อการถ่ายแต่ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ ไม่ปวดท้องถ่าย น้ำที่เพิ่มขึ้นในลำไส้จะทำให้อุจจาระที่แข็งอยู่ นิ่มลง มักใช้ในผู้ที่ท้องผูกถ่ายไม่ออกมาหลายวันเพราะอุจจาระก้อนใหญ่และแข็ง

 

แต่ยาระบายชนิดนี้จะไปขัดขวางการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันค่ะ ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง 

 

ส่วนประกอบใช้ในยาระบายกลุ่มนี้ เช่น Doxinate, Dialose, Laxibene, Milkinol, Colace, Peri-colace

 

ยากลุ่มที่กระตุ้นการขับถ่าย


ยาในกลุ่มนี้กระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และขัดขวางการดูดซึมน้ำและเกลือแร่จากลำไส้เข้าเซลล์บุลำไส้ เพือทำให้ไม่มีอุจจาระค้างอยู่ แพทย์จะใช้ยาระบายนี้เพื่อทำความสะอาดลำไส้ก่อนผ่าตัดค่ะ 

 

หลังจากทานยาระบายกลุ่มนี้จะต้องใช้เวลา 1-3 วันกว่าจะกลับมาขับถ่ายเป็นปกติ ทำให้มักเข้าใจผิดว่าต้องกินยาถ่ายอีก กลับกลายเป็นว่าต้องใช้ยานี้เป็นประจำ และอาจต้องเพิ่มปริมาณการทานยามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 

 

มียาระบายหลายขนานที่ใช้ยากระตุ้นการขับถ่ายประเภทนี้แล้วอ้างว่าลดน้ำหนักได้ ซึ่งอันตรายมากนะคะ การใช้ยาระบายประเภทนี้เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำหรือขาดแร่ธาตุ และหากใช้เป็นประจำจะทำลายเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในลำไส้ เมื่อเส้นประสาทถูกทำลาย ร่างกายจะไม่ขับถ่ายโดยอัตโนมัติได้ค่ะ ไม่สามารถขับถ่ายได้โดยปราศจากยาถ่าย 

 

อ้างอิง https://www.rosewoodranch.com/laxative-abuse-treatment/

 

ยากลุ่มนี้แยกออกมาอีก 3 ประเภทค่ะ


- ยาน้ำ ออกฤทธิ์ภาย 6-12 ชั่วโมง ส่วนประกอบใช้ในยาระบายกลุ่มนี้ เช่น Agarol, Brooklax, Purgolax, Purmolax, Regulim, Veracolate

 

- ยาเหน็บ เพื่อให้ออกฤทธิ์ที่ลำไส้ใหญ่โดยตรง ออกฤทธิ์ภายใน 60 นาที ส่วนประกอบใช้ในยาระบายกลุ่มนี้ เช่น Acolate, Bicolax, Bilax, Dulcolax, Fenolax, Gencolax

 

- มะขามแขก น้ำมันละหุ่ง และคาสคารา (Cascara) เป็นยาระบายที่มีฤทธิ์อ่อนที่สุด แต่หากใช้อย่างต่อเนื่องก็ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้เช่นกัน ส่วนประกอบใช้ในยาระบายกลุ่มนี้ เช่น Pursennid, Senokot, Senna glycoside, Caster oil

 

จริงๆแล้วมีอาหารมากมายที่ทำหน้าที่เหมือนยาระบายถึงแม้ว่าออกฤทธิ์ไม่เร็วเท่า แต่ปลอดภัยแน่นอนค่ะ 

 

สมุนไพรที่มีสรรพคุณ Detox ลำไส้ ล้างไขมัน ก็มีนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาระบาย สมุนไพร Clear ของปุณรดายาไทย ช่วยให้ขับถ่ายโดยธรรมชาติ สมุนไพรมีฤทธิ์ขับลม ฟอกโลหิต ต่างจากยาระบายในท้องตลาดที่รบกวนลำไส้ สมุนไพร Clear เป็นสมุนไพรปรับธาตุ เมื่อธาตุสมดุล การขับถ่ายก็จะเป็นปกติ ท้องไม่ผูก และท้องไม่เสีย ในส่วนของพฤติกรรมก็มีส่วนด้วยนะคะ นั่งนาน เข้าห้องน้ำนาน ก็ทำให้เป็นริดสีดวงได้นะคะ 

 

ยาระบายทำให้เป็นริดสีดวงจริงหรือ-3

 

ปุณรดายาไทยออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ขนาดการใช้ยาของแต่ละท่านก็จะต่างกัน หลายท่านท้องผูกเรื้อรัง หรือท้องเสียเรื้อรัง ใช้การรักษาด้วยการปรับธาตุแบบฉบับปุณรดา หายเป็นปกติได้ค่ะ ปรึกษาปุณรดายาไทยได้นะคะ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

 

 

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 086-955-6366, 091-546-9415


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า