จริงหรือไม่..ใช้ยางกล้วยรักษาเริมที่ปากได้ ?

วิธีดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

จริงหรือไม่..ใช้ยางกล้วยรักษาเริมที่ปากได้ ?

จริงหรือไม่..ใช้ยางกล้วยรักษาเริมที่ปากได้ ?


ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาแผลจากแพทย์แผนตะวันตก เวลาที่มีบาดแผลเกิดขึ้นวิถีของคนโบราณมักจะใช้สมุนไพรที่มีรสฝาดมาทาหรือพอกบริเวณแผลเพื่อห้ามเลือดและช่วยรักษาบาดแผลที่ผิวหนัง เนื่องจากพืชเหล่านี้มีสรรพคุณที่ช่วยในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้รวมถึง สามารถสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ภายหลังค้นพบว่า สารที่อยู่ในพืชเหล่านี้ มีชื่อว่า แทนนิน (Tannin) โดยจะพบสารนี้ได้บ่อยในเปลือก และใบเป็นส่วนมาก นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีการพัฒนานำผลผลิตจากธรรมชาติเหล่านี้มาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สำหรับดูแลแผลอีกด้วย อย่างที่เราจะได้เห็นบ่อย ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จากเปลือกมังคุด ชาเขียว ใบฝรั่ง กล้วยดิบ เปลือกไข่ สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยสมานแผลได้ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกเลยที่คนสมัยก่อนหากมีอาการของเริม ก็น่าจะใช้การดูแลแผลเช่นเดียวกับแผลบริเวณอื่น ๆ พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็เริ่มน่าสนใจมากขึ้นใช่ไหมคะ เมื่อมีการพูดกันว่า เราสามารถใช้ยางจากกล้วยรักษาแผลเริมได้ แน่นอนว่าจะต้องเกิดเป็นข้อสงสัยที่ถกเถียงกันไม่น้อย ว่าจริง ๆแล้วสามารถทำได้จริงไหม วันนี้ ปุณรดายาไทย จะมาตอบข้อสงสัยเรื่องนี้กันค่ะ

 

ยางกล้วยคือส่วนไหนของกล้วย


ยางกล้วยแท้จริงแล้วคือส่วนน้ำยางของผลกล้วยดิบ ซึ่งเป็นส่วนที่พบสารแทนนินได้เช่นเดียวกัน นอกจากในยางกล้วย เรายังสามารถพบสารแทนนินได้ในพืชอีกหลายชนิด เช่น ใบฝรั่ง เปลือกมังคุด ชาเขียว และเปลือกไม้หรือยางไม้ต่าง ๆ โดยสารแทนนินมีสรรพคุณสารพัดประโยชน์ เช่น สามารถใช้บรรเทาอาการท้องเสีย โรคบิด ระงับกลิ่นปาก บรรเทาอาการพุพองของแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาโรคกระเพาะอาหาร และประโยชน์ที่สําคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความสามารถในการป้องกันการทําลายของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิดได้

 

ยางกล้วยรักษาเริม

 

แล้วเราสามารถทาแผลเริมด้วยยางกล้วยได้จริงไหม ?


สามารถใช้ได้จริง แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ค่ะ เนื่องจากการใช้ยางกล้วยจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะคุณสมบัติในการสมานแผลของสารแทนนินในยางกล้วยสามารถใช้กับแผลบริเวณผิวหนังได้แทบทุกชนิด แต่หากใช้โดยไม่ระมัดระวังก็อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแทรกซ้อนจากความไม่สะอาด หรือเกิดความระคายเคืองในผู้ที่มีผิวหนังบอบบางจนเกิดอาการแพ้และทำให้อาการเป็นมากขึ้นได้ และที่สำคัญอาจจะทำให้แผลทำความสะอาดได้ยากขึ้นจากความเหนียวของยางกล้วย และโดยตามธรรมชาติของโรคเริม แผลเริมสามารถหายเองได้ตามระยะเวลาของโรค ดังนั้นการใช้ยางกล้วยก็อาจจะไม่มีความจำเป็นนะคะ

 

 

แล้วมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้อาการเริมหายได้เร็วขึ้น


ยางกล้วยรักษาเริม

 

วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาเริม คือการดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้อื่น โดยเฉพาะการใช้แก้วน้ำหรือช้อนร่วมกัน เพราะจะทำให้เกิดการติดต่อไปยังผู้อื่นและก็เสี่ยงที่เราจะได้รับเชื้อเริมเพิ่มขึ้นได้ แต่หากอยู่ในระหว่างที่มีอาการก็ให้หมั่นดูแลความสะอาดของแผลให้ดี และทำแผลอย่างถูกวิธี อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้

 

จะเห็นได้ว่าบางทีการรักษาที่มีการบอกต่อ ๆกัน อาจจะไม่เหมาะ หรือไม่จำเป็นกับลักษณะแผลบางประเภทได้ อีกทั้งหากมีความเสี่ยงและข้อควรระวังก็ควรที่จะทราบ ดังนั้นก่อนที่จะเลือกวิธีการรักษาหรือดูแลตัวเองควรที่จะมีการศึกษาให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของเรานะคะ แล้วมาพบกับข้อมูลสุขภาพดี ๆ ได้ใหม่กับปุณรดายาไทย แพทย์แผนไทยที่ใกล้คุณที่สุด ขอบคุณค่ะ

 

 

สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)
LINE ID: @Poonrada
TEL: 02-1147027


ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา

สุรดา เลิศเกศราธรรม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

"สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ"

พท.ป.จิราณี กิจศิริพิพัฒน์

แพทย์แผนไทยประยุกต์

"พื้นฐานของสุขภาพดีคือการใส่ใจดูแลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย ให้สมดุลกันเสมอ"

พท.ปฐมาพรรณ บุญประเสริฐ

แพทย์แผนไทย

" การเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีธรรมชาติ เป็นเกราะป้องกันโรค ทางกายและใจ "


ปุณรดา ยาไทย
แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด

ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง LINE@ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อความถึงร้าน


× คุณได้เพิ่มสนค้าลงตะกร้า ดูสินค้าในตะกร้า